คุณแม่ชาวอเมริกันจากฟลอริดารายหนึ่งได้ออกมาเตือนบรรดาพ่อแม่เกี่ยวกับความปลอดภัยของเด็ก ๆ ในสระว่ายน้ำ จากประสบการณ์ที่ลูกสาวของเธอมีอาการผิดปกติหลังจากเล่นน้ำไปแล้วหลายชั่วโมง

แอนนี กัลลาเกอร์ เล่าถึงประสบการณ์ที่เธอเจอมากับตัวเองผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เมื่อเธอพาลูก ๆ ไปว่ายน้ำในสระว่ายน้ำในชุมชน แต่ความสนุกสนานของเด็ก ๆ เริ่มกลายเป็นฝันร้ายหลังจากที่เธอและลูก ๆ ออกจากสระว่ายน้ำและกลับมาถึงบ้าน

กัลลาเกอร์เล่าว่า ตอนนั้นลูกสาวของเธออายุเพียง 5 ขวบ เริ่มมีอาการคล้ายคนกำลังจะจมน้ำ ทั้งที่ออกจากสระว่ายน้ำไปแล้วหลายชั่วโมง

เธอเล่าว่าตอนที่เด็ก ๆ กำลังเล่นน้ำกันอยู่นั้น ลูกสาวของเธอซึ่งว่ายน้ำเก่งมาก ได้กระโดดลงสระจากริมสระแล้วมีอาการสำลักและไอ เพราะน้ำเข้าปากและจมูก

แต่หลังจากไออยู่ครู่หนึ่ง ลูกสาวของเธอก็กลับมาเป็นปกติและกลับไปเล่นน้ำต่อ 

ต่อมาในค่ำวันนั้นเอง ลูกสาวมาบอกเธอว่ารู้สึกไม่สบาย หลังจากที่เข้านอนไปแล้ว ตอนนั้นกัลลาเกอร์กำลังทำเก็บกวาดบ้านอยู่ ตอนแรกเธอคิดว่าจะไล่ให้ลูกกลับไปนอน แต่แล้วก็รู้สึกสังหรณ์ใจว่าอาจเป็นเรื่องร้ายแรง

กัลลาเกอร์เล่าว่าเธอเคยอ่านบทความออนไลน์เกี่ยวกับการ “จมน้ำบนบก” เมื่อหลายปีก่อน เธอจึงตัดสินใจพาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล 

ปรากฏว่าลางสังหรณ์ของเธอเป็นจริง ทีมแพทย์บอกเธอว่าอาการป่วยของลูกสาวของเธออาจเข้าขั้นวิกฤต ถ้าหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รับการรักษา

ในตอนแรกกัลลาเกอร์คิดว่าลูกสาวของเธอมีอาการจมน้ำบนบก (Dry drowning) ซึ่งเป็นภาวะจมน้ำที่มีน้ำเข้าปากหรือจมูก ทำให้ระบบทางเดินหายใจกระตุกและปิดการทำงาน แต่อาการเช่นนี้มักเกิดขึ้ในทันทีหลังจากที่จมน้ำ 

ภายหลัง แพทย์แจ้งกัลลาเกอร์ว่าอาการป่วยของลูกสาวเธอไม่ใช่การจมน้ำบนบก แต่เป็นโรคปอดอักเสบจากการสำลัก (Aspiration pneumonia) ซึ่งเป็นอาการอักเสบของปอดและระบบทางเดินหายใจไปยังปอด หรือบริเวณหลอดลม เกิดจากการหายใจเอาแบคทีเรียจากอาหาร เครื่องดื่มหรือแม้กระทั่งน้ำลายเข้าไปในปอด ทำให้เกิดการติดเชื้อในปอด

กัลลาเกอร์เล่าว่าโรคนี้อันตรายมาก อาศัยเพียงน้ำที่มีเชื้อแบคทีเรียแค่ช้อนเดียวก็ทำให้ปอดอักเสบได้แล้ว ตอนที่เริ่มป่วย ลูกสาวของเธอค่อย ๆ หายใจติดขัดเพราะปอดของเด็ก “จม” ของเหลวในตัว กล่าวคือมีภาวะน้ำท่วมปอด 

ลูกสาวของกัลลาเกอร์ถูกส่งตัวไปยังโรงพยาบาลเด็กในทันทีและใช้เวลารักษาอยู่นานถึง 1 สัปดาห์เต็ม ความยากในการรักษาอยู่ที่การหาว่าต้องใช้ตัวยาใด ร่างกายของเด็กจึงจะตอบสนองต่อการรักษา

กัลลาเกอร์ชี้แจงว่าที่เธอออกมาเล่าเรื่องนี้ทั้งที่เรื่องราวผ่านไปถึง 7 ปีแล้ว ก็เพราะเธออยากจะเตือนพ่อแม่ทุกคนให้รู้ว่ามีโรคร้ายแรงแบบนี้อยู่ด้วย เพื่อจะได้ระวังและควรเชื่อสัญชาตญาณความเป็นแม่ เมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นกับลูก ๆ 

ที่มา : ladbible.com

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES