สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เจ้าอาวาสวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม กล่าวสัมโมทนียกถา ในการเป็นประธานปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการพัฒนาสมรรถนะพระธรรมวิทยากรในการเผยแผ่ธรรมะ ประจำปี พ.ศ. 2567 ครั้งที่ 2 ที่วัดบรมสถล เขตสาทร กรุงเทพฯ ว่า พระธรรมวิทยากร ผู้ทำหน้าที่การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นมรดกธรรมอันล้ำค่าที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ประทานไว้ให้แก่พุทธบริษัท พระองค์ได้มอบหน้าที่อันสำคัญ คือ การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อความสุข เพื่อเกื้อกูล แก่พหูชนเป็นอันมาก เพราะการเผยแผ่พระพุทธศาสนานั้น เป็นมรดกอันล้ำค่า เป็นดุจเครื่องหล่อหลอมความสามัคคี เป็นแนวทางดำเนินชีวิต เป็นบ่อเกิดแห่งคุณธรรมจริยธรรมของสังคม เป็นศูนย์รวมแห่งวิถีชีวิตของพุทธบริษัททุกช่วงวัย การประสานรวมพลังบวร เพื่อสร้างกิจกรรมส่งเสริมพระพุทธศาสนาที่เป็นรูปธรรมสอดคล้อง เหมาะสมแก่ประชาชนทุกกลุ่มวัยได้อย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องสำคัญยิ่ง พึงประสานขยายพื้นที่เชิงสร้างสรรค์
สมเด็จพระมหาธีราจารย์ กล่าวต่อไปว่า ขอปรารภธรรม เพื่อเป็นแนวทางโดยสังเขป ในการปฏิบัติหน้าที่พระธรรมวิทยากร 5 ประการ คือ 1.ขอให้ปฏิบัติหน้าที่ให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัย กฎหมาย จารีตวัฒนธรรมประเพณี มีความสำรวมในที่ทุกสถาน ในกาล 2.ขอให้เพิ่มพูนความรู้ความสามารถ ให้เหมาะควร ใช้สื่อเทคโนโลยีได้อย่างมีสติปัญญา ไม่เกินขอบเขตสมณภาวะ 3.ขอให้ปฏิบัติศาสนกิจบูรณาการกับงานของคณะสงฆ์ 4.ขอให้ตระหนักในฐานของตน คือ วัดต้นสังกัด มีสมณสังวรสมบูรณ์พร้อมด้วยวิชชาและจรณะที่งดงาม พึงสำเหนียกรักษาสมณสารูป สมณโวหาร และรักษาสุขภาพให้ดีอยู่เสมอ 5.ขอให้รวบรวมผลการปฏิบัติงาน นำเสนอแก่เจ้าคณะผู้ปกครอง และกรมการศาสนา เพื่อจักเป็นการพัฒนางาน และนำเสนอผลการดำเนินงานต่อสาธารณะในช่องทางสื่อสารต่างๆ และขอกำชับให้พระธรรมวิทยากร พึงสร้างอุปนิสัยให้เป็นผู้ตั้งตนไว้ชอบ ประกอบตนไว้ดี กล่าวคือ การตั้งตนออยู่ในศีล 1 การตั้งตนอยู่ในธรรมะ 1 จึงนับได้ว่าเป็นผู้ประพฤติตน เป็น “อัตตสัมมาปณิธิ” ปฏิบัติศาสนกิจได้อย่างบริบูรณ์ เกื้อกูลแก่เด็กเยาวชนและประชาชนทั้งมวล ซึ่งจักเป็นประโยชน์แก่คณะสงฆ์ ชุมชน สังคม ประเทศชาติ