เมื่อวันที่ 1 ก.ย. พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. สั่งการให้ พล.ต.ต.ภูมิพัฒน์ ภัทรศรีวงษ์ชัย ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.บัญชา ศรีสุข รอง ผบก.สอท.5 พ.ต.อ.ฐาปกรณ์ หนุมาศ ผกก.3 บก.สอท.5 นำหมายค้นศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช ที่ 365/2567 ลงวันที่ 29 ส.ค. 67 เข้าตรวจค้นบ้านหลังหนึ่ง ใน ต.ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช จับกุมตัวนายสมพร (สงวนนามสกุล) อายุ 60 ปี พร้อมของกลางโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง อาวุธปืนยี่ห้อ CZ จำนวน 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุนปืน 19 นัด รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง 1 คัน สมุดบัญชีธนาคาร และเอกสารสัญญากู้ยืมเงิน

สืบเนื่องจากเจ้าที่ตำรวจ กก.3 บก.สอท.5 สืบทราบสื่อสังคมออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม (Line) ชื่อบัญชีสมพร โดยคิดอัตราดอกเบี้ยประมาณร้อยละ 20 ต่อเดือน ตัวอย่างเช่น ลูกหนี้กู้ยืมเงินจำนวน 10,000 บาท ลูกหนี้ต้องจ่ายเงินค่าดอกเบี้ยพร้อมเงินต้น เป็นรายวันวันละ 500 บาท คิดอัตราดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ต้องจ่ายดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นจนกว่าจะชำระหนี้ครบจำนวน ซึ่งเป็นการให้กู้ยืมเงินเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดในอัตราไม่เกินร้อยละ 15 ต่อปี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงตรวจสอบข้อมูลดังกล่าว พบมีการโฆษณาชี้ชวนให้ประชาชนทั่วไปกู้ยืมเงินโดยเน้นกลุ่มลูกหนี้ที่เป็นชาวบ้านทั่วไปในพื้นที่ โดยจะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 เน้นการติดต่อกับลูกหนื้ทางแพลตฟอร์มไลน์ โดยลูกหนี้สามารถเพิ่มช่องทางการติดต่อสื่อสารโดยการเพิ่มเพื่อนด้วยการใช้หมายเลขโทรศัพท์ของเจ้าหนี้ ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเฝ้าติดตามตรวจสอบบัญชีไลน์ดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตรวจสอบการกระทำความผิดและพิสูจน์ทราบตัวผู้กระทำความผิด เพื่อขอศาลอนุมัติเข้าตรวจค้นที่พักของผู้ใช้งานบัญชีไลน์ ตรวจค้นยึดเอกสารสัญญากู้ยืมเงินและเอกสารต่างๆ โทรศัพท์มือถือ

นายสมพร ยอมรับว่า ตนเองมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ทำการปล่อยเงินกู้ให้กับลูกหนี้ในพื้นที่ อ.ขนอม ตนเองประกอบอาชีพเกษตรกรรม และได้ประกอบธุรกิจปล่อยเงินกู้นอกระบบ เป็นระยะเวลาประมาณ 4 ปี โดยจะรับจำนำรถยนต์ และอาวุธปืนเป็นหลัก ตนเป็นผู้ใช้งานบัญชีไลน์ดังกล่าวจริง ใช้ในการแชตสนทนาติดต่อกับลูกหนี้ แต่เนื่องจากตนได้ติดตามข่าวทราบว่าช่วงเวลานี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กวดขันจับกุมเจ้าหนี้นอกระบบ จึงได้ทำการลบรายละเอียดการสนทนากับลูกหนี้ไปบางส่วน ส่วนที่บ้านตนเก็บหลักฐานเอกสารการปล่อยเงินให้ลูกหนี้กู้ยืมเงิน และหลักฐานการกู้ยืมเงินมีการเรียกดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยผู้กู้เงินต้นระบุในสัญญาว่า 15,000 บาท จะคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน ลดต้นลดดอกจนกว่าจะชำระเงินต้นเสร็จสิ้น เอกสารสัญญาเงินกู้ที่ทำขึ้นนั้น ทำไว้เป็นหลักฐานการกู้ยืมระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตํารวจจึงแจ้งข้อหา จัดให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะ (1) เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดไว้ ตาม ม.4 พ.ร.บ.ห้ามเรียกดอกเบี้ยเกินอัตรา พ.ศ. 2560 ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล โดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 ลงวันที่ 26 มกราคม 2515 ข้อ 5 ข้อ 16 ประกาศกระทรวงการคลัง เรื่องกิจการที่ต้องขออนุญาตตามข้อ 5 แห่งประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 58 เรื่องสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ) ฉบับลงวันที่ 9 มิถุนายน 2548 ข้อ 1 ครอบครอง มีไว้ซึ่งอาวุธปืน (หมายเลขทะเบียน กท.4925381) และเครื่องกระสุนปืน โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนท้องที่ ตาม ม.7 พ.ร.บ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ. 2490 ควบคุมตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป.