เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่ามีผู้ใช้เฟซบุ๊กเป็นหญิงสาวรายหนึ่ง ได้เข้าไปโพสต์ในกลุ่มเพจ “พัทยา” ในแนวลักษณะเตือนภัย โดยระบุข้อความว่า ฝากเตือนผู้หญิงที่จะไปบริการนะคะ คือเรากับแฟนกลับจากคอนเสิร์ตและไปดื่มต่อด้วยความเมา จึงหาโรงแรมใกล้ๆนอนพัก เราได้ใช้บริการเกินเวลา พนักงานมาเรียกเราก็จริง แต่ด้วยความเมาเราไม่ตื่นพนักงานจึงไขกุญแจเข้ามาในห้องเรา
ด้วยความที่เราอยู่กับแฟนเราไม่ได้ใส่เสื้อผ้า พนักงานไม่ได้ปลุกแฟนเรา แต่มาสะกิดเราแทน แต่เขาไม่เรียก จากสะกิดเป็นลวนลาม เรามีความรู้สึกว่ามีคนมาจับหน้าอก เเต่ด้วยความที่อยู่กับแฟนเรานึกว่าเป็นแฟนเรา พอเราตื่นขึ้นมาพบว่าเป็นพนักงานผู้ชายในภาพมือเขายังอยู่ที่หน้าอก เราตกใจและะแฟนเราตื่น เขาจึงเดินออกไปจากห้อง เราได้แจ้งพนักงานคนอื่นแต่พี่พนักงานผู้ชายที่ลวนลามเรา ไม่ขอโทษเราเลยสักคำแถมเล่นโทรศัพท์ ยิ้มหัวเราะเหมือนเป็นเรื่องปกติมาก ไปเช้าโรงแรมมอื่นมาไม่เคยเจอพนักงานโรงแรมมอื่นไหนที่ไขกุญแจเข้ามาในห้องลูกค้าเลย ควรให้เกียรติผู้หญิงหรือลูกค้าไหม
ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปพูดคุยกับเจ้าของโพสต์รายนี้ ทราบชื่อว่า น.ส.เบล (นามสมมุติ) อายุ 20 ปี โดยให้ข้อมูลว่า เมื่อช่วงเวลา 04.30 น.ของวันนี้ (31 ส.ค.) หลังจากที่เธอกับแฟนหนุ่ม ไปเที่ยวงานคอนเสิร์ต ย่านชายหาดพัทยากลาง แต่ด้วยความเมาประกอบกับที่พักอยู่ไกลและแฟนหนุ่มขี่รถไม่ไหว จึงตัดสินใจเปิดห้องพักเพื่อพักผ่อน ซึ่งเป็นโรงแรมแนวบังกะโล ย่านซอยบงกชพัทยากลาง หมู่ 9 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยเปิดบริการแบบชั่วคราว (3 ชั่วโมง)
จากนั้นเธอกับแฟนหนุ่มได้เข้าไปนอนหลับ จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณเช้าตรู่ ขณะที่เธอนอนหลับและเธอก็อยู่ในสภาพเปลือยกายอยู่บนเตียงนอนภายในห้องพัก เธอมีความรู้สึกว่า มีคนเข้ามาจับเนื้อต้องตัวเธอ ตอนแรกคิดว่าเป็นมือของแฟนหนุ่มมาจับ จึงลืมตาขึ้นมามอง ก็พบว่ามีผู้ชาย ซึ่งแต่งตัวเหมือนพนักงานของบังกะโล กำลังใช้มือจับหน้าอก จึงรีบบอกว่า “เข้ามาทำอะไรค่ะ” ซึ่งผู้ชายดังกล่าว พูดสวนกลับมาว่า “ออกไปคุยกันข้างนอก” จากนั้นเจอกับแฟนหนุ่มจึงรีบแต่งตัว แล้วตามเดินตามออกไปทันที
แต่เมื่อเดินออกมาถึง ด้วยความที่เธอโกรธมาก จึงยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายคลิป และพยายามเข้าไปว่ากล่าวกับผู้ดูแลบังกะโลดังกล่าว ว่ามีพนักงาน ทำพฤติกรรมไม่เหมาะสม ก่อเหตุลวนลามเธอ ซึ่งเธอเองก็จำได้ว่าเป็นผู้ชาย ที่ปรากฏในคลิป แต่ชายดังกล่าวปฏิเสธว่าไม่ได้กระทำ ซึ่งเธอเองก็จำได้แม่นว่าเป็นผู้ชายคนนี้ เธอจึงพยายามว่ากล่าวตักเตือนกับทางพนักงานโรงแรมว่า ห้องพักเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล ไม่สมควรนำกุญแจไขเข้าไปในห้อง หากเกินเวลาก็ขอให้มาเรียกกันดีๆ ขณะที่ผู้หญิงซึ่งคาดว่าเป็นผู้ดูแลบังกะโล พูดเพียงคำว่าขอโทษ โดยอ้างเหตุผลว่า ก็พนักงานไปปลุกหลายรอบแล้ว
น.ส.เบล ยังเล่าต่ออีกว่า เธอรู้สึกตกใจ เพราะไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ เวลาไปโรงแรมอื่น หากเกินเวลา พนักงานก็จะมาเคาะประตูเรียกหรือปรับเวลาที่เกินเป็นเงิน แต่โรงแรมแห่งนี้กลับนำกุญแจสำรองมาไข แล้วบุกเข้าไปเรียกลูกค้า เธอจึงนำเรื่องราวมาถ่ายทอดและโพสต์เตือนภัย ให้ผู้ที่จะเข้าไปใช้บริการในโรงแรมในลักษณะบังกะโล ระวังจะตกเป็นเหยื่อถูกลวนลามเหมือนกับเธอ.