สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงฮาวานา ประเทศคิวบา เมื่อวันที่ 31 ส.ค. ว่าปฏิบัติการพ่นยากันยุงในกรุงฮาวานา เพื่อต่อสู้กับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโอโรปูเช เนื่องจากฝนที่ตกในฤดูร้อน, การขาดแคลนเชื้อเพลิง และกองขยะริมถนนที่เพิ่มมากขึ้น เป็นตัวเร่งการขยายพันธุ์ของยุง

นับตั้งแต่เดือน พ.ค. ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อไวรัสแล้วมากกว่า 500 ราย ซึ่งเป็นช่วงที่ตรวจพบโรคนี้ครั้งแรกในประเทศ ตามรายงานของกระทรวงสาธารณสุขคิวบา แต่เป็นสถิติที่ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับประเทศอื่น รวมไปถึงบราซิล

ทั้งนี้ เชื้อไวรัสที่รู้จักกันในชื่อ “ไข้สลอธ” ระบาดผ่านยุงซึ่งดูดเลือดจากตัวสลอธ แพร่กระจายอย่างรวดเร็วไปทั่วทุกจังหวัดและเมืองใหญ่ของคิวบา รวมถึงกรุงฮาวานา สำหรับอาการป่วยที่พบเป็นหลักนั้น ผู้ป่วยมักมีไข้ ปวดเมื่อยตามร่างกาย และคลื่นไส้ อย่างไรก็ดี อัตราการเสียชีวิตจากเชื้อไวรัสดังกล่าวยังอยู่ในระดับต่ำ

อีกด้านหนึ่ง เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของสหรัฐ เปิดเผยว่า ชาวอเมริกันอย่างน้อบ 21 คน ซึ่งเดินทางเยือนคิวบา เมื่อช่วงฤดูร้อนปีนี้ มีอาการป่วยจากการติดเชื้อไวรัสโอโรปูเช เมื่อเดินทางกลับมา

ปัจจุบัน วิกฤติเศรษฐกิจและการขาดแคลนเชื้อเพลิง อาหาร และยา ได้ขัดขวางความพยายามของหน่วยงานในคิวบา ซึ่งต้องการเร่งควบคุมการแพร่ระบาดของโรคที่มียุงเป็นพาหะ และเมื่อไฟฟ้ายังคงดับบ่อยครั้ง ประชาชนจำนวนมากต้องดำเนินชีวิต โดยเปิดหน้าต่างไว้ตลอดช่วงฤดูร้อน และมีชาวคิวบาจำนวนน้อย ซึ่งมียาฆ่าหรือขับไล่แมลง

ขณะเดียวกัน กองขยะขนาดมหึมาตามมุมถนน เมื่อรวมกับฝนที่ตกในช่วงฤดูร้อน ก็กลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุงได้อย่างกว้างขวางด้วย.

เครดิตภาพ : AFP