จากกรณีโลกออนไลน์วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนัก หลังจากมีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปผู้ชายเกาะท้ายเรือนั่งยอง ก่อนหย่อนก้นปล่อยอุจจาระลงสู่น้ำทะเล ด้วยท่าทีสนุกสนาน ท่ามกลางเสียงยุยงจากคนรอบข้าง ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
‘เด็กเรือเกาะล้าน’ หงายการ์ดรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ถ่ายคลิปทำคอนเทนต์ปล่อยอุจจาระลงทะเล
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 30 ส.ค. นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา พร้อมด้วย นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา พ.ต.ต.อภิชาติ จารุรักษ์ สว.ส.ทท.4 กก.2 บก.ทท.1 และ นายมาโนช หนองปรือ รองนายกเมืองพัทยา ร่วมแถลงชี้แจงการดำเนินการกับผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายและปรับทัศนคติ หลังทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวเมืองพัทยา
นายปรเมศวร์ งามพิเชษฐ์ นายกเมืองพัทยา กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเมืองพัทยาเป็นอย่างมาก ซึ่งเมืองพัทยามีส่วนที่เกี่ยวข้องโดยตรง นอกจากภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวที่จะเสียหายแล้ว ยังเกิดความไม่สบายใจต่อประชาชนและนักท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นการกระทำที่อุจาด และไม่อยากให้มีใครมาทำและเลียนแบบอีกโดยกล่าวอ้างว่าเกิดความคึกคะนองแล้วนำไปลงในเฟซบุ๊ก จนมีการเผยแพร่ไปทั่ว ซึ่งการกระทำที่เกิดขึ้นตามอำนาจหน้าที่เมืองพัทยาเข้าข่ายการกระทำความผิด พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ. 2535 ที่ห้ามผู้ใดถ่ายอุจจาระหรือปัสสาวะลงในที่สาธารณะหรือสาธารณะที่ไม่ใช่สถานที่ราชการท้องถิ่นที่จัดไว้เพื่อการนั้น มีโทษปรับ 2,000 บาท เมืองพัทยาจะดำเนินการปรับสูงสุดตามข้อบังคับดังกล่าวต่อไป
ขณะที่นายเอกราช คันธโร ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาพัทยา กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการกระทำผิดตามมาตรา 119 แห่งพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พระพุทธศักราช 2456 แก้ไขเพิ่มเติมโดย พระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2535 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้ผู้ใดเท ทิ้ง หรือทำด้วยประการใด ๆ ให้หิน กรวด ทราย ดิน โคลน อับเฉา สิ่งของหรือสิ่งปฏิกูลใด ๆ ยกเว้นน้ำมันและเคมีภัณฑ์ลงในแม่น้ำ ลำคลอง บึง อ่างเก็บน้ำ หรือทะเลสาบ อันเป็นทางสัญจรของประชาชนหรือที่ประชาชนใช้ประโยชน์ร่วมกันหรือทะเล ภายในน่านน้ำไทย อันจะเป็นเหตุให้เกิดการตื้นเขิน ตกตะกอนหรือสกปรก เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าท่า
ผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และต้องชดใช้เงินค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียในการขจัดสิ่งเหล่านั้นด้วย พร้อมทั้งจะทำการตรวจหาข้อเท็จจริงเพิ่มและนำตัวผู้กระทำผิดดำเนินคดีตามกฎหมายพร้อมขยายว่ามีใครมีส่วนเกี่ยวข้องบ้าง และสนับสนุนผู้กระทำผิดหรือไม่ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุดังกล่าวขึ้นอีก
ด้าน พ.ต.ต.อภิชาต จารุรักษ์ สารวัตร สถานีตำรวจท่องเที่ยว 4 กองกำกับการ 2 กองบังคับการตำรวจท่องเที่ยว 1 กล่าวว่า ในส่วนของทางตำรวจท่องเที่ยวก็จะได้มีการประสานงานกับพนักงานสอบสวนเพื่อดูความผิดในมาตราอื่น ๆ นอกจากที่กล่าวมาแล้วนั้น ก็จะมีเรื่องขอการนำข้อมูลเข้าสู่คอมพิวเตอร์ และจะมีการดูว่าจะมีใครร่วมกระทำผิดอีกบ้าง อีกทั้งจะเร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวต่อไป
ด้าน นายโอม (นามสมมุติ) บุคคลที่ปรากฏในคลิป เปิดเผยว่า ยอมรับว่าเครียดมาก ตนเป็นเด็กจับเรือ หรือ หาเรือสปีดโบ๊ตข้ามฟาก ให้กับนักท่องเที่ยว ตอนนั้นปวดท้องหนัก ขณะที่เรือขับออกไปกลางทะเลแล้ว หลังปลดทุกข์ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นข่าวแบบนี้ แต่ในครั้งนี้ยอมรับว่า เป็นการกระทำที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ พร้อมทั้งขออภัยในสิ่งที่ทำลงไป และสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนี้อีก.