อาจารย์แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ได้พูดถึงเรื่องนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว “หมอหมู วีระศักดิ์” ได้ออกมาโพสต์ข้อมูลจากการศึกษาวิจัยใหม่ว่า “กรณีศึกษาดับด้วยสารพิษ จากต้นลำโพง หรือ มะเขือบ้า” 

โดยหมอหมู ระบุข้อความว่า “ชายชาวฝรั่งเศสวัย 35 ปี รายหนึ่ง มาพบแพทย์ด้วยอาการปวดท้องอย่างรุนแรง หมดสติ และเสียชีวิตในที่สุด ระหว่างการเดินทางในเอเชีย”

  1. การชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 1 ที่ดำเนินการในเอเชียไม่พบบาดแผล ไม่พบสารพิษ หรือพยาธิสภาพใดๆ ศพถูกนำไปดองด้วยเมทานอล/ฟอร์มาลิน
  2. การชันสูตรพลิกศพครั้งที่ 2 ในฝรั่งเศส และได้เก็บตัวอย่างพิษวิทยา พบสโคโปลามีน (scopolamine) แอโทรพีน (atropine) และไฮออสไซามีน (hyoscyamine) ในน้ำวุ้นลูกตา นอกเหนือไปจากเมทานอล
  3. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำไกด์นำเที่ยวในท้องถิ่น ซึ่งยอมรับว่าได้ใส่ “ต้นลำโพง หรือ มะเขือบ้า” ลงในเครื่องดื่มเพื่อทำให้เหยื่อมึนงงและปล้นทรัพย์
  4. การเสียชีวิตของเหยื่อเกิดจาก “ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะอันเนื่องมาจากต้นลำโพง หรือ มะเขือบ้า”

    นอกจากนี้ ต้นลำโพง มีชื่อเรียกหลายชื่อ เช่น ลำโพงขาว มะเขือบ้า มะเขือบ้าดอกดำ ลำโพงกาสลัก
    สารพิษ คือ ทุกส่วนของลำต้น ใบ ดอก ผลของลำโพง
    คุณสมบัติ คือ เป็นพิษทั้งสิ้น โดยอยู่ในรูปแบบของสารอัลคาลอยด์ (alkaloid) ที่ประกอบไปด้วย สโคโปลามีน (scopolamine) แอโทรพีน (atropine) และไฮออสไซามีน (hyoscyamine) สารพิษในต้นลำโพงไม่สามารถทำลาย ด้วยความร้อน

    อาการแสดงที่เกิดจากพิษลำโพง
    1. อาการจะเกิดขึ้น ภายในเวลา 30 – 60 นาที หลังจากกินเมล็ดลำโพง หรือส่วนต่าง ๆของลำโพง และอาการจะดำเนินต่อไปอีก 2-3 วัน
    2. อาการเบื้องต้นที่พบบ่อย คือ ปากคอแห้ง กระหายน้ำ กลืนอาหารและน้ำด้วยความยากลำบาก ต่อมา สายตาพร่ามัว ระบบประสาทกลางถูกกระตุ้น มีอาการเพ้อคลั่ง ประสาทหลอน หัวใจเต้นเร็ว อุณหภูมิร่างกายสูง และ อาจมีอาการรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้

    วิธีการปฐมพยาบาลเบื้องต้น
    คือ รีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการล้างท้อง แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ก็ให้ยาระบาย และยาทำให้อาเจียน

    อย่างไรก็ตาม ข้อมูลทั้งหมดที่หมอหมูนำเสนอมีการอ้างอิงแหล่งที่มาชัดเจน และได้พยายามอ้างอิงจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ แต่บางครั้งอาจมีการโต้แย้งในข้อมูล ซึ่งเป็นเรื่องปกติในแวดวงวิชาการ ดังนั้นจึงขอเรียนทุกท่านว่า โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านบทความของหมอหมู และควรหาข้อมูลเพื่มเติมเพื่อความถูกต้องอีกครั้ง

ขอบคุณข้อมูล : หมอหมู วีระศักดิ์