เมื่อวันที่ 29 ส.ค. เวลา 16.38 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศภายในที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ ก่อนเริ่มการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อพิจารณาเรื่องการเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยนั้น ปรากฏว่าได้มีกลุ่มแฟนคลับพรรคประชาธิปัตย์ มาให้กำลังใจคณะกรรมการบริหารพรรค อีกทั้งมอบช่อดอกกุหลาบสีแดงและดอกกุหลาบสีขาวให้กับนายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ จากนั้นได้ถ่ายรูปร่วมกัน โดยนายเดชอิศม์ กล่าวว่า “เป็นนักรัก ไม่ใช่นักรบ” พร้อมกับทำสัญลักษณ์ภาษามือที่มีแทนความหมายว่า “ไอเลิฟยู”
จากนั้น นายเดชอิศม์ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงการประชุมในวันนี้จะตัดสินว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลเลยหรือไม่ว่า ต้องประชุมกรรมการบริหารพรรคก่อน และจะต่อด้วยการประชุมร่วมระหว่างกรรมการบริหารพรรค กับ สส. ของพรรค
เมื่อถามว่าจะต้องชี้แจงเรื่องอุดมการณ์กับประชาชนบางส่วนที่ไม่เห็นด้วยและสมาชิกในพรรคหลายคนได้ลาออก เช่น นายศิริโชค โสภา อดีต สส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ต้องรอผลการประชุมก่อน ว่าหรือไม่ร่วม ตนยังไม่อยากพูดไปก่อนเพราะตนยังไม่รู้ถึงมติที่จะออกมา ส่วนกรณีของนายศิริโชคนั้น เพิ่งลาออกหรือ ตนเข้าใจว่าเขาลาออกไปหลายเดือนแล้ว
เมื่อถามว่า กรณีที่นายประพฤติ ฉัตรประภาชัย อดีตผู้สมัคร สส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่าการลงมติร่วมรัฐบาลอาจขัดกับข้อบังคับของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจาก น.ส.แพทองธาร อาจมีปัญหาเรื่องมาตรฐานทางจริยธรรม เพราะมีคำร้องอยู่ในองค์กรอิสระ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่องของ น.ส.แพทองธาร อย่างไรก็ตาม ตนไม่กังวล อย่าไปกลัวทุกอย่าง เพราะถ้ากลัวทุกอย่าง ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลยในประเทศนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่มา 70 กว่าปี จึงกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงหรืออยากยกระดับใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ต้องกล้าคิดที่จะเปลี่ยนแปลง พรรคเพื่อไทยก็ตั้งพรรคมา 26 ปี เลือกตั้งมาก็ไม่เคยชนะเลย ต้องยอมรับว่าพรรคประชาธิปัตย์เราแพ้และคะแนนก็ลดลงมาเรื่อย ๆ การที่ตนได้รับหน้าที่เป็นคณะกรรมการบริหารพรรค ก็ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น ให้ได้ สส. เพิ่มขึ้น
เมื่อถามอีกว่าทำไมถึงเชื่อว่าในอนาคตหากตัดสินใจเข้าร่วมรัฐบาลจะทำให้มีเราได้ สส. เพิ่มขึ้น นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ตนมั่นใจ เพราะคนที่ตนคุยด้วยเป็น สส.เขต ทุกคนพอประชุมประชุมสภาเสร็จ ในวันพฤหัสตอนเย็นก็ไปอยู่ในพื้นที่ และวันอังคารก็เดินทางกลับเข้ามาประชุมพรรค ทุกคนมาถ่ายทอดเรื่องประชาชน และมาเล่าสู่กันฟัง เราต้องประเมินทุกฝ่าย ส่วนผลการประชุมจะออกมาเป็นอย่างไร เราต้องเคารพ เพราะระบบประชาธิปไตยต้องอยู่ด้วยเสียงส่วนมาก พรรคประชาธิปัตย์อยู่ได้เพราะเสียงส่วนมาก และมติพรรค ทั้งนี้ มติพรรคว่าอย่างไร ตนก็พร้อมปฏิบัติตาม
เมื่อถามว่าจากที่ระบุว่าไม่เคยชนะพรรคเพื่อไทย เป็นจุดที่ทำให้มาร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ใช่หรือไม่ นายเดชอิศม์ กล่าวว่า ไม่ใช่ ตนแค่ยกตัวอย่าง สู้กันมาเราก็แพ้ ขอยกตัวอย่างประเทศยูเครนกับรัสเซียที่สู้รบกัน ตนมองว่าคนทั่วโลกอยากให้ยุติสงคราม ตนคิดว่าการทะเลาะเบาะแว้งไม่เกิดผลประโยชน์กับใครเลย ส่วนไหนที่จะดับความขัดแย้งได้ ตนก็อยากจะฉีดน้ำให้ดับลง และมานับหนึ่งใหม่ แต่หากใครผิดก็ต้องว่าไปตามผิด.