สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 29 ส.ค. ว่า แถลงการณ์ฉบับดังกล่าว กล่าวหารัฐบาลกัมพูชาว่า ฝ่าฝืนกฎหมายในการกักขังผู้ที่วิจารณ์สัมปทานที่ดิน และผู้ที่กล่าวว่าโครงการเขตสามเหลี่ยมพัฒนาซีแอลวี เอื้อผลประโยชน์ให้ต่างชาติอย่างไม่เป็นธรรม โดยมีผู้ถูกจับกุมทั้งหมด 94 คน นับตั้งแต่เดือน ก.ค. ที่ผ่านมา และมีเยาวชนรวมอยู่ด้วยหลายคน

“การตอบสนองที่รุนแรงของรัฐบาลกัมพูชา ทำให้เยาวชนและเด็กบางคนถูกกักขังอย่างผิดกฎหมาย และถูกตั้งข้อหาอาชญากรรมร้ายแรงต่อรัฐ” น.ส.เคต ชูเอตเซ รองผู้อำนวยการภูมิภาคีย-แปซิฟิก เอเชีย ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าว พร้อมเรียกร้องให้ยุติการละเมิดเสรีภาพในการแสดงออก และการชุมนุมอย่างสันติและเปิดเผย

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลของ พล.อ.ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และระบุว่า “มีการดำเนินคดีเฉพาะกับผู้ที่กระทำผิดกฎหมายเท่านั้น”

ทั้งนี้ การประท้วงเริ่มขึ้นเมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา หลังนักเคลื่อนไหว 3 คนถูกจับกุม หลังแสดงความกังวล เกี่ยวกับข้อตกลงสามเหลี่ยมพัฒนา ที่เริ่มต้นในปี 2547 ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการค้าและการย้ายถิ่นฐานระหว่างกัมพูชา ลาว และเวียดนาม

กัมพูชาเพิ่มความเข้มงวดของมาตรการรักษาความปลอดภัย และกำหนดข้อจำกัดการเดินทาง ซึ่งรวมไปถึงปิดถนนบนทางหลวงที่มุ่งสู่กรุงพนมเปญ พร้อมทั้งมีการค้นรถตู้และแท็กซี่ ที่เดินทางเข้ามาในเมืองหลวง

ผู้ที่ถูกจับกุมอย่างน้อย 59 คนจากทั้งหมด 94 คนถูกตั้งข้อหา และถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดี “การจับกุมหมู่เป็นความพยายามอย่างจงใจของทางการกัมพูชา ในการข่มขู่ผู้วิพากษ์วิจารณ์และป้องกันไม่ให้พวกเขาออกมาประท้วง หรือแสดงความคิดเห็นบนโซเชียลมีเดีย” น.ส.ไบรโอนี เลา รองผู้อำนวยการ ฮิวแมนไรตส์วอตช์ ประจำภูมิภาคเอเชีย กล่าว

“การกักขังและตั้งข้อกล่าวหาที่ไม่เป็นธรรมเหล่านี้แสดงให้เห็นว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ไม่เคารพสิทธิของชาวกัมพูชา และพันธกรณีระหว่างประเทศด้านสิทธิมนุษยชน.”.

เครดิตภาพ : AFP