เมื่อวันที่ 29 ส.ค.นายสุรศักดิ์ พันธ์เจริญวรกุล รมช.ศึกษาธิการ กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ว่า ตนมีความห่วงใยในสถานการณ์น้ำท่วมเป็นอย่างมาก จึงได้เน้นย้ำให้สถานศึกษาในพื้นที่ที่ประสบอุทกภัย ทำการติดตามข่าวสารและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อจะได้เตรียมความพร้อมในการอพยพได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้หากจำเป็นต้องประกาศปิดโรงเรียนเพื่อความปลอดภัยของนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ก็ขอให้ผู้อำนวยการโรงเรียนดำเนินการได้ทันที ในส่วนของพื้นที่ใดหากมีรายงานว่าน้ำกำลังมาก็ขอให้เตรียมแผนรับมือกับสถานการณ์น้ำหลากให้เหมาะสม แต่ทั้งนี้ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก

“พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ และผม​ มีความห่วงใยต่อสถานการณ์น้ำท่วมที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงขอกำชับให้สถานศึกษา​ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสังกัดอื่นๆในกระทรวงศึกษาธิการ​ รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมแรงร่วมใจกันช่วยเหลือนักเรียน ผู้ปกครอง ครู และบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับผลกระทบจากภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ โดยการประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อดูแลช่วยเหลืออย่างทันท่วงที โดยในระยะเร่งด่วน ให้ดูแลเรื่องอาหาร ที่พัก รวมถึงการจัดส่งเรือเพื่อมอบถุงยังชีพ ตามสถานศึกษา บ้านพักครู หรือบ้านเรือนของนักเรียน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น ส่วนในระยะยาว หากพื้นที่ไหนที่ปลอดภัยแล้วให้สำรวจความเสียหายของอาคารสถานที่ ครุภัณฑ์ของโรงเรียนในสังกัด จากนั้นให้แจ้งผ่านไลน์กลุ่ม “ศูนย์บริหารความสุขและความปลอดภัย” สพฐ. เพื่อพิจารณาในการให้การช่วยเหลือต่อไป” รมช.สุรศักดิ์ กล่าว

นายสุรศักด์ กล่าวต่อไปว่า เบื้องต้นได้รับข้อมูลสถานการณ์สถานศึกษาที่ประสบเหตุอุทกภัยจากศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังเพื่อช่วยเหลือสถานศึกษาที่ประสบเหตุอุทกภัย ของ สพฐ. ล่าสุดเมื่อวันพุธ ที่ 28 สิงหาคม ที่ผ่านมา พบว่า มี สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 31 เขต สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) จำนวน 22 เขต และ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) จำนวน 9 เขต โดยมีโรงเรียนที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 238 โรงเรียน มีนักเรียนที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 4,857 คน มีครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับผลกระทบ จำนวน 759 คน รวมมีนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ที่ได้รับผลกระทบจำนวน 5,616 คน ซึ่งเบื้องต้น สพฐ. ได้ดำเนินการช่วยเหลือเยียวยาในระยะสั้น ด้วยการมอบถุงยังชีพ เป็นต้น