จากกรณี น.ส.เอ (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี พาลูกสาว อายุ 14 ปี เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ หลังลูกสาวถูกนักธุรกิจชาวอินเดีย ข่มขื่นกระทำชำเรา จนตั้งท้องแล้วบังคับให้ไปทำแท้ง ทั้งยังถูกทีมแพทย์ตอกย้ำคำพูดแทงใจ ก่อนตัดสินใจร้องเรียนสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรม ให้กับลูกสาวตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวันที่ 28 ส.ค. ร.ต.ท.สัญญา ใจจันทร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.หนองปรือ ได้เชิญน.ส.เอ มารดา ให้ปากคำเพิ่มเติม ในส่วนของทีมสืบสวน ยังลงพื้นที่หาข่าวและรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อคลี่คลายคดีนี้ให้เกิดความเป็นธรรมที่สุด รวมไปถึงการควบคุมตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดี เนื่องจากเป็นคดีที่สังคมให้ความสนใจเพราะมีการกระทำกับเยาวชน
ในขณะที่น.ส.เอ ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูที่พัก ซึ่งเป็นเพิงพักมุงด้วยแผ่นไม้ เศษสังกะสี ส่วนในห้องนอนนั้นมีเพียงแผ่นไม้ปูพื้นสำหรับวางที่นอนเท่านั้น อยู่บนพื้นที่เช่ารายเดือน เดือนละ 1,000 บาท โดยมีพื้นที่ข้างห้องพัก ตรึงหลังคาด้วยผ้าใบและแผ่นไวนิลเก่า สำหรับคัดแยกของเก่าที่รับซื้อมา โดยเปิดเผยว่าหลังนำไปขาย จะมีรายได้วันละประมาณ 300-500 บาท หากวันไหนไม่ได้ของก็จะขาดรายได้
น.ส.เอ กล่าวว่า หลังจากที่ลูกสาวโดนบังคับให้ทำแท้งแล้วนั้น ทำให้ลูกสาวได้รับผลกระทบติดเชื้อเป็นโรคติดต่อทางเพศ ต้องรักษาตัวนานกว่า 2 เดือนกว่าจะหายเป็นปกติ ส่วนประเด็นที่เดินทางเข้าแจ้งความช้านั้น เพราะยังคิดว่าครอบครัวยากจนกลัวว่าจะสู้อำนาจเงินของผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นชาวต่างชาติไม่ได้ รวมถึงเกรงกลัวว่าจะได้รับอันตราย เพราะว่าชาวต่างชาติผู้ก่อเหตุจะส่งลูกน้องมาทำร้ายร่างกาย เป็นคนมีเงิน มีอำนาจ จนถึงขั้นต้องย้ายที่อยู่มาในที่ปัจจุบันนี้ ต้องใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ก็ขอสังคมและเจ้าหน้าที่เห็นใจด้วย.