เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่รัฐสภา นายรังสิมันต์ โรม สส. บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์หลังกรณีพรรคเพื่อไทยเทียบเชิญพรรคประชาธิปัตย์เข้าร่วมรัฐบาลว่า “สิ่งที่ไม่เคยคิดว่าจะเห็น ก็ได้เห็น แปลกใจอยู่เหมือนกัน “ หากย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปี ถึง 20 ปีก่อน ก็คงนึกภาพไม่ออกว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อเกิดขึ้นแล้วก็การตัดสินใจของแต่ละพรรคการเมือง ตนคงไม่ไปวิพากษ์วิจารณ์ว่าเหมาะสมหรือไม่ เรื่องนี้ประชาชนสามารถตัดสินใจได้นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในช่วงเวลาที่ผ่านมามีความยากลำบากในการตั้ง คณะรัฐมนตรี (ครม.) ตนคิดว่าเห็นถึงปัญหาหลายอย่าง สะท้อนให้เห็นว่าเวลาที่เสียไปว่าเป็นเวลาที่มีคุณค่าขนาดไหน ส่วนเรื่องการเมืองระหว่างกันนั้น สิ่งที่ควรตั้งคำถามทั้งหมดคือ ประชาชนอยู่ส่วนไหนของสมการ อะไรคือสิ่งที่ประชาชนได้ประโยชน์จากสิ่งนี้ 

นายรังสิมันต์ กล่าวต่อว่า ในฐานะพรรคฝ่ายค้าน การที่พรรคประชาธิปัตย์ย้ายไปอยู่ขั้วรัฐบาล จะส่งผลกระทบต่อการทำหน้าที่ฝ่ายค้านมากแค่ไหน เรื่องนี้เดี๋ยวก็คงจะได้เห็น แต่สำหรับพรรคประชาชนก็พร้อมที่จะทำหน้าที่เหมือนเดิมอย่างดีที่สุด ทั้งนี้ เป็นการปิดสวิตช์ 3  ป. ตามที่ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เคยพูดไว้หรือไม่ ตนคิดว่าทำได้ทันที ตั้งแต่จัดตั้งรัฐบาลในช่วงแรก ไม่แน่ใจว่าที่พึ่งมาปิดช่วงนี้อาจจะเกิดจากการชิงดีชิงเด่นกันหรือไม่ หรือมีการช่วงชิงทางการเมืองกันหรือเปล่า

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ ตนมองว่าไม่ได้เป็นการปิดสวิตช์ 3 ป. เพราะยังเห็นพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ยังมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายก ฯ  แม้จะไม่มีบทบาททางการเมืองที่ชัดเจน แต่พรรครวมไทยสร้างชาติ ก็เป็นพรรคที่ได้รับมรดกจาก พล.อ.ประยุทธ์ มาโดยตรง ดังนั้น เรื่องปิดสวิตช์ 3 ป. คงไม่ได้เป็นแบบนั้น และก็ไม่ได้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนที่คาดหวัง ภาพที่ประชาชนคาดหวัง คือ การสร้างระบอบประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง และทำให้ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด นั่นคือการแก้มรดกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ทิ้งเอาไว้   

เมื่อถามว่าหากพรรคพลังประชารัฐ มาเป็นฝ่ายค้านจะทำงานร่วมกันอย่างไรนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ยังไม่มีการมองถึงการทำงานร่วมกัน หรือพูดคุยกัน และกรณีของพรรคพลังประชารัฐ เกิดจากการไม่ได้อนุญาตให้เป็นรัฐบาล เลยกลายเป็นฝ่ายค้าน ไม่ใช่เพราะพรรคการเมืองฝ่ายค้านไปเรียกร้องให้มาเป็นฝ่ายค้าน ซึ่งการทำงานหลังจากนี้คงต้องดูว่าจะเป็นรูปแบบไหน เพราะยังไม่แน่ใจว่า ตัวอยู่ฝ่ายค้านแต่หัวใจอยู่ที่ไหน 

นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า สุดท้ายหากมีการโหวตและสนับสนุนรัฐบาล ตนก็ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่าเป็นฝ่ายค้านหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบรัฐบาล และตนก็ไม่แน่ใจว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จะเข้ามาทำหน้าที่ในสภามากน้อยแค่ไหน ซึ่งยังต้องรอดูหลังจากนี้

นายรังสิมันต์ กล่าวย้ำว่า ตนไม่เคยลืมในสิ่งที่เคยอภิปราย พล.อ.ประวิตร ไม่ว่าจะเรื่องคสช. หรือการที่ไปเกี่ยวข้องกับตำรวจต่าง ๆ รวมถึงปัญหาเรื่องตั๋วช้าง ตั๋วตำรวจ ก็เกิดขึ้นในยุคที่ พล.อ.ประวิตร นั้นคุมตำรวจอยู่ โดยเฉพาะมูลนิธิบ้านป่ารอยต่อที่มีความเกี่ยวข้องกับการเมืองในมิติต่าง ๆ  ดังนั้น ตนไม่เคยลืม แต่การเป็นฝ่ายค้าน เป็นบทบาทที่ พล.อ.ประวิตร ต้องยอมรับว่า เกิดจากพรรคเพื่อไทยเลือก พล.อ.ประวิตร มาอยู่ตรงนี้ ทั้งนี้ สส.ที่ต้องมาเป็นพรรคร่วมค้านด้วยกันต้องเข้าใจว่า ไม่ได้เต็มใจแต่ขอให้ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดให้คุ้มค่ากับภาษีของประชาชน