เมื่อวันที่ 28 ส.ค. ที่ศาลเยาวชนและครอบครัวจังหวัดสุราษฎร์ธานี คณะผู้พิพากษาออกบัลลังค์อ่านคำสั่งในคดี คส.2/2567 คดีที่ พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี เป็นผู้ร้องให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก 8 ขวบ ห้ามไม่ให้ แม่, เด็ก 8 ขวบ กับพวกรวม 2 คน โดยขอให้ศาลมีคำสั่ง 1) ห้ามนำกิจกรรมไลฟ์สดอันเกี่ยวกับการเชื่อมจิต 2) ห้ามเผยแพร่คำสอนทางพุทธศาสนาอันเป็นการบิดเบือน หรือผิดเพี้ยนจากหลักทางพระพุทธศาสนา และไม่ปรากฎหลักฐานในพระไตรปิฎก 3) ห้ามใช้สื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กในการดำเนินกิจกรรม (เชื่อมจิต) ไม่ว่าจะเป็นภาพถ่าย รวมถึงภาพเคลื่อนไหว หรือสื่ออื่นที่เป็นการยืนยันถึงตัวเด็ก 4) ห้ามจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมจิต และ 5) ออกคำสั่งกำหนดมาตรการ หรือวิธีการเพื่อเป็นการคุ้มครองสวัสติภาพเด็กตามที่ศาลเห็นสมควร”

ซึ่งศาลได้มีคำสั่งตามคำร้องของพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี ให้นำเด็กไปตรวจสุขภาพที่สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่น ภาคใต้ ภายใน 15 วันหลังจากคำสั่งศาล และให้ตรวจ 2 ครั้ง ภายใน 6 เดือน และให้แพทย์รายงานผลต่อศาลทราบด้วย

ห้ามนำเด็กทำกิจกรรมไลฟ์สดเกี่ยวกับการเชื่อมจิต เผยแพร่คำสอนทางพุทธศาสนาอันเป็นการบิดเบือนหรือผิดเพี้ยนจากหลักทางพระพุทธศาสนาและไม่ปรากฏหลักฐานในพระไตรปิฎก , ห้ามใช้สื่อต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับเด็กในการดำเนินกิจกรรมเชื่อมจิตไม่ว่าจะเป็นภาพถ่ายรวมถึงภาพเคลื่อนไหวหรือสื่ออื่นที่เป็นการยืนยันถึงตัวเด็ก และออกคำสั่งกำหนดมาตรการหรือวิธีการเพื่อเป็นการคุ้มครองกับ พม. เนื่องจากพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจอยู่แล้ว เนื่องจากได้รับการแต่งตั้งจากรัฐมนตรีโดยไม่ต้องรอให้ศาลสั่งในการคุ้มครองสวัสดิภาพเด็ก หากไม่ปฏิบัติตามจะมีโทษจำคุก

ด้าน น.ส.ชลลดา ชนะศรีรัตนกุล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดสุราษฎร์ธานี กล่าวว่า ในรายละเอียดคำสั่งศาล เราไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากต้องเป็นไปตาม พ.ร.บ.คุ้มครองเด็ก ซึ่งหลังจากนี้ พมจ.จะได้ร่วมกับผู้ปกครองในการปฎิบัติตามคำสั่งศาล โดยเฉพาะการวางแผนการเลี้ยงดูในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านสังคม การศึกษา และการนำเด็กไปทำกิจกรรม ซึ่งศาลได้กำชับผู้ปกครองให้ดำเนินการตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด หากไม่ปฎิบัติตามก็จะมีความผิดตามกฏหมาย.