จากกรณีมีผู้ป่วยอาการเป็นพิษจากเมทานอลหลังดื่มสุราดองในพื้นที่ย่านคลองสามวา กรุงเทพฯ โดยตัวเลขผู้ป่วยสะสมล่าสุด 28 ราย โคม่า 2 ราย ตาบอด 1 ราย ขณะที่กรมสรรพสามิตตรวจสอบต้นตอโรงงานผลิตพบลักลอบผสมเมทานอล จึงสั่งปิด 18 ซุ้มยาดอง พร้อมเก็บตัวอย่างส่งตรวจอยู่ระหว่างรอผล ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 26 ส.ค. ที่ สน.บางชัน เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัว นายสุรศักดิ์ หรือ เอส อายุ 46 ปี และนายสุรชัย หรือ อาร์ท อายุ 44 ปี สองพี่น้องที่ถูกจับกุม ข้อหาผลิตสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีไว้เพื่อขายซึ่งสุราที่ผลิตขึ้นโดยฝ่าฝืน ตาม พ.ร.บ.ภาษีสรรพสามิต ลงมาขึ้นรถควบคุมผู้ต้องหาเพื่อส่งไปฝากขังที่ศาลอาญามีนบุรี

โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผู้ต้องหาทั้งสองได้รับสารภาพว่าทำมาประมาณ 1 ปีเศษ โดยได้ทำการหาข้อมูลในการผสมเหล้าเถื่อนจากอินเทอร์เน็ต ก่อนที่จะส่งขายไปตามซุ้มยาดองต่างๆ โดยรับสารเมทานอลมาจากโรงงานย่านลาดกระบังเเละนำมาที่บ้านพักในซอยกาญจนาภิเษก 25 แยก 1-3 แขวงทับช้าง เขตสะพานสูง กรุงเทพฯ โดยใช้พื้นที่ด้านหลังบ้านเป็นพื้นที่ในการผสม โดยเอาสารเมทานอลมาผสมกับน้ำเปล่า จากนั้นบรรจุใส่แกลลอนเพื่อนำไปขายต่อ ซึ่งแต่ละร้านก็จะนำไปผสมยาดองอีกที

พุ่งไม่หยุด! เหยื่อยาดองมรณะทะลุ 28 ราย เสี่ยงดับอีก 2 ราย ตาบอดถาวร 1 ราย

ต่อมาที่ สน.มีนบุรี ตำรวจชุดสืบ บก.น.3 ได้เชิญตัว น.ส.ภัสส์รศา หรือ เจ๊ปู อายุ 49 ปี ผู้ที่รับสุราจากนายสุรศักดิ์ หรือ เอส อายุ 46 ปี และนายสุรชัย หรือ อาร์ท อายุ 44 ปี ผู้ต้องหา 2 คนที่ถูกจับกุมตัวไปก่อนหน้านี้ไปผสมสูตรยาดองเองก่อนกระจายให้ซุ้มยาดองไปให้ทั้งหมด 18 ร้านในพื้นที่ บก.น.3 เพื่อจำหน่ายต่อ เพื่อสอบปากคำเพิ่มเติม โดยมี พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 พ.ต.อ.กฤษ ก้อมน้อย ผกก.สน.มีนบุรี เข้าร่วมการสอบปากคำด้วย โดยใช้เวลานานกว่า 1.30 ชม. ต่อมาภายหลังการสอบปากคำ พล.ต.ต.เกียรติกุล สนธิเณร ผบก.น.3 ได้พาตัว น.ส.ภัสส์รศา หรือ เจ๊ปู มาแถลงข่าวกับสื่อมวลชน

พล.ต.ต.เกียรติกุล กล่าวว่า หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตํารวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบภายในซอยหทัยราษฎร์ 33 จนไปพบกับ น.ส.ปู ซึ่งยอมรับว่าเป็นผู้ผลิตยาดองส่งให้ลูกค้าตามซุ้มต่างๆ โดยรับวัตถุดิบเป็นสุราขาวจากสองพี่น้องที่ถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจจับกุมก่อนหน้านี้ในพื้นที่ สน.บางชัน ซึ่งทาง น.ส.ปู ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดี และอยากออกมาชี้แจงให้สื่อและประชาชนฟัง เนื่องจากอึดอัดใจที่ถูกมองว่าเป็นต้นเหตุให้เกิดเรื่องขึ้นจนมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสและถึงขั้นเสียชีวิต

ด้าน เจ๊ปู กล่าวทั้งน้ำตาว่า ครอบครัวตนทำยาดองขายมา 30 กว่าปี ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ โดยในอดีตพ่อของตนจะรับสุรามาจากผู้ผลิตเจ้าประจำ ซึ่งที่ผ่านมาไม่เคยมีปัญหาเลย แต่ประมาณ 1 ปีที่แล้ว เอส กับ อาร์ท ซึ่งเป็นญาติกับทางแฟนตนเองทำอาชีพรับจ้างขับรถตักดิน บอกว่า อยากหารายได้เสริม เนื่องจากช่วงนี้ไม่ค่อยมีงาน ตนจึงสงสารเลยถามว่าทำเหล้าขาวเป็นหรือไม่ ซึ่งทั้งคู่บอกว่ามีสูตรเหล้าขาว ตนเลยบอกให้ลองทำมาดูว่าผ่านไหม ซึ่งพอทำมาแล้วก็พบว่าระดับดีกรีได้ รสชาติก็คล้ายกับเจ้าเก่า

ตนจึงช่วยสั่งด้วยความสงสารโดยซื้อในราคา 25 ลิตร 900 บาท เท่ากันกับเจ้าเก่า และตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ก็ไม่เคยมีปัญหา แต่เพิ่งมามีความผิดปกติช่วงกลางเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา โดยลูกค้าได้มาคอมเมนต์ว่า เหล้าจืด ไม่แรง และมีรสชาติซ่าๆ ตนก็เคยโทรฯ ถาม เอสกับอาร์ท ว่าทำไมรสชาติมันเปลี่ยน ตนถามว่าได้เปลี่ยนวัตถุดิบไหมแต่เขาก็ไม่บอก ส่วนตัวตนได้ชิมแล้วก็รู้สึกว่ากลิ่นมันจางลงแต่คิดว่าไม่เป็นอะไร แต่ในส่วนของการใส่สมุนไพรยืนยันว่าทําตามสูตรพ่อทุกอย่างไม่เคยผิดเพี้ยน โดยลอตสุดท้ายที่ตนส่งให้กับลูกค้าจํานวน 4 โอ่ง หรือ 96 แกลลอน

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า อยากขอโทษหรือบอกอะไรครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตหรือไม่ เจ๊ปู กล่าวว่า ตนอยากพบและเยี่ยมทุกคนแต่กลัวญาติและครอบครัวจะไม่เข้าใจ ยอมรับเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งคนที่เสียชีวิตก็เป็นเพื่อนของตนเช่นกัน หากรู้ว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้คงไม่ส่งของลอตสุดท้ายออกมาอย่างแน่นอน

ขณะที่ พล.ต.ต.เกียรติกุล ผบก.น.3 กล่าวเพิ่มเติมว่าในส่วนของคดี หลังจากนี้จะมีการแจ้งข้อกล่าวหากับผู้ผลิตในความผิดฐาน “ผลิตและจําหน่ายสุราโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนของกลางที่เป็นยาดองที่ เจ๊ปู ส่งไปให้ร้านยาดองต่างๆ ได้ส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบว่ามีส่วนผสมของเมทานอลอยู่หรือไม่ หากพบก็จะดำเนินคดีในข้อหา ประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ต่อไป