จากกรณีโลกโซเชียลแชร์คลิปจากผู้ใช้ติ๊กต็อกรายหนึ่ง เป็นคลิปขับรถปาดหน้าแล้วพยายามเบรกให้รถที่ถูกปาดหน้าชน ซึ่งมีผู้เสียหายหลายราย ที่เข้ามาดูคลิปแล้วเห็นผู้ชายในคลิปจำได้ว่าเคยถูกกระทำลักษณะแบบนี้มาแล้ว ต้องเสียเงินให้กับผู้ชายคนนี้ไปหลังจากไปชนท้ายรถของเขา

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 26 ส.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายเล้ง และ น.ส.ดา สองสามีภรรรยา โดย นายเล้ง เปิดเผยว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุ ตนไปงานอีเวนต์ออกบูธที่ จ.กาญจนบุรี หลังจากจัดบูธเสร็จ ก็ชวนกันไปเที่ยวแถวไทรโยค ระหว่างที่ขับไปพบว่าถนนเป็นสองเลน จู่ ๆ ก็รถเก๋งคันหนึ่งขับมาปาดหน้า แล้วก็เบรกรถแบบกะทันหัน เพื่อต้องการให้ชนท้าย พอทำไม่สำเร็จก็ขับหลบหนี ตนจึงก็ขับรถตามไปเพื่อจะสอบถามว่าทำไมขับรถแบบนี้ โดยระหว่างที่ขับตามไป อีกฝ่ายยังพยายามขับปาดหน้าแล้วก็เบรกให้ชนตลอดทาง

สุดท้ายพอมีจังหวะ ตนก็พยายามขับแซงแล้วบอกให้เขาหยุดรถ แต่เขาไม่ยอมหยุด พยายามเร่งเครื่องยนต์หนี ตนจึงให้แฟนถ่ายคลิปเอาไว้เป็นหลักฐาน จนกระทั่งตามมาทันกันที่แยกไฟแดง ตนจึงลงไปเคาะประตูบอกให้เขาลงจากรถ แต่เขาไม่ยอมลงมา จนเวลาผ่านไปนานหลายนาที เขาก็ยอมลงมาจากรถ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจเบรก อ้างว่าตอนนั้นใช้โทรศัพท์อยู่ ชายคนดังกล่าวเอ่ยปากขอโทษและพยายามจะเข้ามากอดคอ ตนจึงปัดมือเขาออกเพราะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร ด้วยความโมโหจึงตบหน้าเขาไปหนึ่งครั้ง เขาก็วิ่งไปหาให้คนช่วย บอกว่าตนไล่ทำร้าย ตนได้ยินเสียงเขาเหมือนเป็นคนต่างด้าว เพราะพูดไม่ชัดสำเนียงคล้ายชาวพม่า หลังจากนั้นแฟนได้โทรฯ แจ้งตำรวจ พอตำรวจมาจึงไปที่ สภ.เมืองกาญจนบุรี จากการสอบถามทราบว่า คู่กรณีเป็นชาวเมียนมาอายุ 25 ปี ทางตำรวจจึงได้เปรียบเทียบปรับตาม พ.ร.บ.จราจร ก่อนปล่อยตัวไป

นายเล้ง กล่าวอีกว่า หลังเกิดเรื่องตนนำคลิปมาลงโพสต์ใน TikTok ปรากฏว่า มีคนติดต่อเข้ามาหลายราย บอกว่าจำผู้ชายคนนี้ได้ เพราะเคยทำพฤติกรรมลักษณะเดียวกัน คือขับรถปาดหน้าก่อนเบรกให้ชนท้ายเพื่อเรียกเงินค่าเสียหาย โดยจะเน้นเลือกเหยื่อที่เป็นผู้หญิงกับผู้สูงวัย ซึ่งวันเกิดเหตุ ตนขับรถรุ่นเก่าไป อีกฝ่ายคงคิดว่าเป็นผู้สูงวัย จึงเลือกลงมือก่อเหตุ

นายเล้ง กล่าวด้วยว่า ล่าสุด มีผู้ชายติดต่อเข้ามาข่มขู่ให้ตนลบภาพ ตนได้นำเบอร์โทรฯ ที่ติดต่อเข้ามาไปให้ผู้เสียหายดู ปรากฏว่าเป็นเบอร์ของชายคนดังกล่าว ซึ่งตรงกับเบอร์พร้อมเพย์ที่ผู้เสียหายโอนเงินให้ โดยผู้เสียหายรายหนึ่งให้ข้อมูลว่า ชายคนดังกล่าวจะตระเวนก่อเหตุในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี, นครปฐม และเพชรบุรี เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ตนรู้สึกแปลกใจมาก ว่าทำไมตำรวจไม่จัดการให้เด็ดขาด ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นคนต่างด้าว แล้วมาก่อเหตุแบบนี้กับคนไทยหลายครั้งแล้ว ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ถือว่าเป็นอันตรายอย่างมาก