เมื่อวันที่ 25 ส.ค. นายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีผู้ร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ขอให้ยุบพรรคเพื่อไทย และตัดสิทธิ์ทางการเมือง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ยอมให้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ครอบงำพรรคเพื่อไทย โดยผ่านทาง นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ ที่ให้แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีโดยขัดต่อรัฐธรรมนูญ และอ้างคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ในการถอดถอน นายกฯเศรษฐาเป็นหลักฐาน ทางพรรคเพื่อไทยมีความเคลื่อนไหวอย่างไร ว่า ต้องขอจำกัดความคำว่าครอบงำก่อน คือการให้คำปรึกษาหรือเข้ามาสั่งการ เพราะการเข้าสั่งการไม่มีแน่นอน พรรคเพื่อไทยทำงานเป็นระบบพรรคการเมือง มีกรรมการบริหารพรรค ทุกอย่างเป็นไปตามระบบ อย่างที่หลายๆ สื่อออกมาพูดว่า อดีตนายกฯทักษิณ แนะนำหลายๆ อย่าง เป็นสิ่งที่ต้องแยกให้ออกก่อน การแนะนำหรือการครอบงำ ต่างกันเยอะ

เมื่อถามว่า จะเป็นการเข้าข่ายผิดมาตรา 29 หรือไม่ที่มีการบัญญัติว่าห้ามมีการครอบงำจากคนนอก นายสรวงศ์ กล่าวว่า หากร้องจริงพวกเราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเตรียมสู้คดี หากศาลรับคำร้อง นอกเหนือการควบคุมของเรา หากมีคนจะร้องจริงๆ แล้วศาลท่านรับขึ้นมา เราเป็นผู้ถูกฟ้องก็ต้องเป็นฝ่ายชี้แจง แต่ตนไม่ทราบจริงๆ ว่าร้องในกรณีไหน การบริหารหรือแต่งตั้งนายกฯ

นายสรวงศ์ กล่าวอีกว่าการที่ผู้ร้องเหมือนจะมีหลักฐานหลายชิ้นมาประกอบเป็นร่างในการฟ้องครั้งนี้ นายสรวงศ์ ย้ำว่า ตนพูดตรงๆ เห็นแก่บ้านเมืองบ้างเถอะ ทุกครั้งที่มีการร้องเรียนหรือมีอะไรเกิดขึ้น ไม่ใช่ประเด็นแค่การเมือง แต่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ของประชาชน การทำงานของรัฐบาลกำลังจะไปได้ด้วยดี ในเมื่อมีหน้าที่ที่จะร้องก็ร้องกันไป มีหน้าที่ทำงานก็ทำงานไป อะไรที่พรรคเพื่อไทยจะต่อสู้ หากศาลรับพวกเราก็พร้อม