เมื่อวันที่ 22 ส.ค.นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ ในงาน Vision for Thailand 2024 แสดงวิสัยทัศน์ครั้งสำคัญ ที่จัดโดย NATION TV โดยระบุว่า โครงการดิจิทัล วอลเล็ต วันมีเท่าที่ทราบ มีคนค้านเยอถ ซึ่งหลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าคืออะไร บางคนค้านจนลืมไปว่าตนเองคือส่วนหนึ่งของวิกฤตต้มยำกุ้ง ที่จริงแล้วโครงการ ดิจิทัล วอลเล็ต คือการยิงนก 3 ตัว ด้วยกระสุนนัดเดียว อันแรกคือการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะประเทศไทยจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจ เพราะที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยโตช้ามานานจีดีพี โตน้อยกว่าต่างชาติโดยเฉลี่ย เพราะประเทศไทยไม่มีเงินในระบบที่เพียงพอ ดังนั้นธนาคารแห่งประเทศไทยก็มีหน้าที่ไม่อยากให้ธนาคารพาณิชย์เดือดร้อน เพราะหากธนาคารแห่งประเทศไทยมีเงินในระบบมาก ธนาคารพาณิชย์ก็จะขาดทุน อยากให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกพันธบัตรรัฐบาลแทนการปล่อยกู้เพื่อลดหนี้เสีย ตนมองว่าธนาคารพาณิชย์ ควรมีเงินในระบบ เพื่อไปช่วยธุรกิจขนาดย่อม ซึ่งต้องหาตุดกึ่งกลางของทั้ง 2 ฝ่าย และตนอยากให้ธนาคารพาณิชย์ ได้ทำงานและใช้ความพยายาม ในการช่วยเหลือเศรษฐกิจของประเทศบ้าง เพราะเมื่อเห็นว่าเงินไม่พอรัฐบาลจึงทำการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งถามว่าทำไมถึงใช้การกระตุ้นเศรษฐกิจโดยนำโครงการดิจิตอล วอลเล็ตมาใช้ โดยไม่ใช้เงินสด วันนี้ตนจึงอยากจะขอเล่าว่า ดิจิทัล วอลเล็ต ที่จริงแล้ว ข้างหลังบ้านคือระบบบล็อกเชน ที่มีสมาร์ทคอนแทค หรือมีการควบคุมการใช้เงินไว้ได้ เช่น การใช้เงินได้ในเขตและอำเภอ ที่กำหนด และกำหนดการซื้อของ โดยกำหนดและจำกัดประเภทสินค้า ไม่ให้ซื้อ เพื่อให้การ กระตุ้นเศรษฐกิจ มีความแม่นยำ อยู่ในพื้นที่ใครพื้นที่มัน เพราะฉะนั้นเศรษฐกิจก็จะมีความชุ่มฉ่ำกันทั้งประเทศ

นายทักษิณ กล่าวอีกว่าอยากให้คนไทยตั้งแต่ระดับรากหญ้า ได้เรียนรู้เทคโนโลยี ซึ่งไม่ยาก เพราะปัจจุบันชาวนา ไม่เรียนหนังสือเลยยังใช้โซเซียลมีเดียได้ ก็เหมือนกันพอเราเรียนรู้อีกหน่อยก็เข้าใจดิจิตอล วอลเล็ตและเมื่อทุกคนเรียนรู้แล้วดิจิตอล วอลเล็ตแล้วในอนาคตเราก็จะได้ทั้ง ดิจิทัล ไอดี และซุปเปอร์ แอปพลิเคชั่น เพื่อลงชื่อเข้าใช้ใน ทุกบริการของภาครัฐ และอีกหน่อยรัฐก็จะออกพันธบัตรให้กับประชาชนรายย่อย ผ่าน ดิจิทัล วอลเล็ต ได้ แลพก็จะสามารถนำพันธบัตรไปใช้เหมือนกับเงินสดได้ หากไม่ใช้ก็จะมีดอกเบี้ยสะสมจากพันธบัตร หากใช้ก็นำไปหัก ซึ่งในดิจิมัล วอลเล็ต ก็จะสร้างประโยชน์ให้กับประเทศมากกว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายทักษิณ กล่าวต่ออีกว่า ในวันนี้มีการการตั้งงบประมาณฯรายจ่ายกลาง ประจำปี 2567 ที่จะต้องใช้ภายในเดือน ก.ย. โดยทางคณะกรรมการก็เล่าให้ตนฟังว่า จะนำ 1.22 แสนล้าน บวกกับงบฯกลางอีก 20,000 กว่าล้าน ซึ่งจะเป็นเงิน 1.45 แสนล้าน และจะนำไปใช้กับกลุ่มเปราะบางจำนวน 13.5 ล้านคน และผู้พิการอีก 1 ล้านคน โดยแจกดงินสดให้คนละ 10,000 บาท เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเบื้องต้น โดยจะมีเงินหมุนเวียนถึง 1.45 แสนล้าน ภายในเดือนก.ย.และเมื่อถึงเดือน ต.ค. เมื่อมีงบประมาณฯใหม่ออกมา คนที่ลงทะเบียนไว้กว่า 30 ล้านคน ก็จะถูกคัดว่าคุณสมบัติครบหรือไม่และซ้ำกับรายชื่อในกลุ่มเปราะบางและคนพิการหรือเปล่า เมื่อเหลือเท่าไหร่ก็จะนำงบประมาณ ที่เบิกได้มาจ่ายให้กับบุคคลที่ลงทะเบียนแล้ว แต่ทั้งนี้ก็จะเป็นการจ่ายในระบบดิจิทัล วอลเล็ต เพื่อให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจที่แม่นยำ เพราะการใช้เงินสดไม่แม่นยำแต่ถามว่ากระตุ้นเศรษฐกิจได้หรือไม่ ก็ได้แต่ไม่แม่นยำ เพราะบางคนก็อาจจะเอาไปใช้หนี้ บางคนเอาไปจ่ายในสิ่งที่ไม่เกิดขยายตัวทางเศรษฐกิจ และนี่คือสิ่งที่รัฐบาลกำลังจะทำกัน