อรุณ จันทรเศกการัน รองประธานฝ่ายวิจัยของการ์ทเนอร์ กล่าวว่า Generative AI ก้าวข้ามจุดพีคสุดของความคาดหวังที่จะโตขึ้นของเทคโนโลยีไปแล้ว ตามที่ธุรกิจเปลี่ยนการมุ่งเน้นจากโมเดลพื้นฐานไปสู่การสร้างยูสเคสการใช้งานที่ตอบโจทย์ ROI ซึ่งสิ่งนี้กำลังเร่งให้ Autonomous AI ถูกนำไปใช้แพร่หลายมากขึ้น แม้โมเดล AI รุ่นปัจจุบันจะขาดแคลนหน่วยงานมาพัฒนาต่อยอด แต่ห้องปฏิบัติการวิจัย AI กำลังปล่อยตัวแทนที่สามารถโต้ตอบกับสภาพแวดล้อมแบบไดนามิก เพื่อบรรลุเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าการพัฒนานี้ จะเป็นกระบวนการแบบค่อยเป็นค่อยไปก็ตาม

“แม้ AI จะยังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ผู้บริหาร CIO และผู้บริหาร IT ควรต้องพิจารณาเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้กับนักพัฒนา มีความปลอดภัย และมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ทั้งลูกค้าและพนักงาน พร้อมกำหนดกลยุทธ์ว่าควรใช้เทคโนโลยีเหล่านี้อย่างไร เพื่อให้สอดรับกับความสามารถองค์กรในการจัดการกับเทคโนโลยีที่ยังพิสูจน์ไม่ได้”

4 ธีมหลักเทคโนโลยีเกิดใหม่

ธีมที่ 1 Autonomous AI: วิวัฒนาการที่รวดเร็วของ AI กำลังสร้างระบบ Autonomous AI ที่สามารถทำงานและปรับปรุงได้ด้วยตัวเองโดยพึ่งพามนุษย์น้อยที่สุด และยังตัดสินใจได้อย่างมีประสิทธิภาพในสภาพแวดล้อมที่ซับซ้อน ซึ่งระบบ AI ขั้นสูงที่สามารถทำงานแบบเดียวกับมนุษย์นั้นกำลังกลายเป็นจริง

เทคโนโลยีเกิดใหม่ที่อยู่ในธีมนี้ ประกอบด้วย Multiagent Systems, Large Action Models, Machine Customers, Humanoid Working Robots, Autonomous Agents, และ Reinforcement Learning

ธีมที่ 2 Developer Productivity: โดยประสิทธิภาพการทำงานของนักพัฒนาไม่ได้หมายถึงการเขียนโค้ดอย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังหมายถึงการสื่อสารและการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ การรู้สึกถึงความตั้งใจในการมีส่วนร่วมอย่างเต็มที่ และสนุกไปกับการทำงาน หรือที่เรียกว่าอยู่ในภาวะที่มีสมาธิการทำงานสูง (Flow State)

“เทคโนโลยีกำลังปฏิวัติวิธีที่นักพัฒนาใช้ออกแบบและส่งมอบซอฟต์แวร์ ซึ่งนอกจากทำให้พวกเขาทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลมากกว่าเดิม มันยังช่วยให้พวกเขามั่นใจว่าสามารถส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูงขึ้นได้อย่างรวดเร็วพร้อมกับได้รับความพึงพอใจอย่างสูงสุดในการทำงานร่วมกันที่ไหลลื่น”

เทคโนโลยีเกิดใหม่ที่ช่วยให้นักพัฒนาทำงานได้อย่างมีประสิทธิผลและอยู่ในธีม Developer Productivity ประกอบด้วย AI-Augmented Software Engineering, Cloud-Native, GitOps, Internal Developer Portals, Prompt Engineering และ WebAssembly

ธีมที่ 3 Total Experience: ประสบการณ์เต็มรูปแบบ หรือ Total Experience เป็นกลยุทธ์ที่สร้างประสบการณ์ร่วมกันที่เหนือกว่า โดยผสมผสานประสบการณ์ลูกค้า ประสบการณ์พนักงาน รวมถึงประสบการณ์ที่หลากหลาย และประสบการณ์ที่เป็นแนวทางปฏิบัติของผู้ใช้งาน โดยกลยุทธ์นี้ใช้เทคโนโลยีเพื่อจัดการกับการโต้ตอบเป็นสำคัญ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับทั้งลูกค้าและพนักงาน มีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นใจ ความพึงพอใจ ความภักดี และเพิ่มการสนับสนุนที่มากขึ้น

สำหรับเทคโนโลยีเกิดใหม่ที่อยู่ในธีมนี้ ประกอบด้วย Digital Twin of a Customer, Spatial Computing, Superapps และ 6G

ธีมที่ 4 Human-Centric Security and Privacy: องค์กรจะยืดหยุ่นมากขึ้นหากใช้เทคนิคด้านการรักษาความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่สร้างวัฒนธรรมแห่งความไว้วางใจซึ่งกันและกัน รวมถึงการตระหนักถึงความเสี่ยงร่วมกันระหว่างทีม

“บ่อยครั้งที่แนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยมักอาศัยหลักการที่ว่ามนุษย์สามารถประพฤติตนได้อย่างปลอดภัยและมั่นคง แต่เมื่อพนักงานต้องเลือกระหว่างความปลอดภัยและการให้บริการทางธุรกิจ พวกเขามักเลือกการให้บริการทางธุรกิจเสมอ บางครั้งข้ามขั้นตอนการควบคุมความปลอดภัยที่เข้มงวด ซึ่งความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวที่ยึดมนุษย์เป็นศูนย์กลางหรือ Human-Centric Security and Privacy ได้ผสานโครงสร้างความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวอย่างแน่นหนาเข้าไว้กับการออกแบบดิจิทัลขององค์กร” จันทรเศกการัน กล่าว

เทคโนโลยีเกิดใหม่ที่อยู่ในธีม Human-Centric Security and Privacy ได้แก่ AI TRiSM, Cybersecurity Mesh Architecture, Digital Immune System, Disinformation Security, Federated Machine Learning and Homomorphic Encryption