เมื่อวันที่ 22 ส.ค. สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยบัญชีทรัพย์สินของ นายเศรษฐา ทวีสิน กรณีพ้นจากตำแหน่ง รมว.คลัง เมื่อวันที่ 27 เม.ย. 2567 โดยเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 5 ก.ย. 2566 นายเศรษฐาและคู่สมรส แจ้งมีทรัพย์สินรวมทั้งหมด 1,018,719,225 บาท
นายเศรษฐา แจ้งเป็นทรัพย์สินของตนเอง 659,205,182 บาท แบ่งเป็นเงินฝาก 47 บัญชี 133,543,486 บาท เงินสด 1 ล้านบาท เงินลงทุน 1,424,761 บาท มีที่ดินที่เขตคลองเตยและพระโขนง กรุงเทพมหานคร มูลค่า 158,400,000 บาท โรงเรือนและสิ่งปลูกสร้าง เป็นห้องชุดที่ ต.หนองแก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และมีบ้าน 3 ชั้น ที่คลองเตย กรุงเทพมหานคร มูลค่ารวม 156,423,120 บาท ยานพาหนะ เป็นรถยนต์ Aston Martin รุ่น DB5 มูลค่า 50 ล้านบาท สิทธิและสัมปทานสัมปทาน 22,673,114 บาท ทรัพย์สินอื่นมูลค่า 135,740,700 บาท และมีเงินเบิกเกินบัญชี 72,037 บาท
นอกจากนี้ นายเศรษฐาแจ้งมีรายได้รวมต่อปี 23,358,016 บาท แบ่งเป็นเงินเดือนค่าจ้างและโบนัส 1,507,080 บาท เงินบำนาญชราภาพ 49,848 บาท ดอกเบี้ย 450,849 บาท ผลประโยชน์หรือผลตอบแทนจากการถือครองโทเคนดิจิทัล 139 บาท บุตรให้รายปี 20 ล้านบาท รายได้เงินคืนค่าธรรมเนียมศาล 650,100 บาท เงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต 700,000 บาท
ส่วนรายจ่ายส่วนตัวต่อปี 15,553,679 บาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 729,000 บาท ค่าใช้จ่ายในครัวเรือน 163,500 บาท ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 4,679 บาท เงินบริจาค 1,624,000บาท ค่าอุปการะมารดา 5 ล้านบาท
สำหรับทรัพย์สินอื่นของนายเศรษฐา มีนาฬิกา 38 เรือน มูลค่า 127,953,100 บาท พระเครื่อง-ตะกรุด 6 องค์ มูลค่า 1,622,600 บาท สร้อยคอทองคำ 1 เส้น มูลค่า 165,000 บาท หีบ หลุยส์ วิตตองxสุพรีม 1 ใบ มูลค่า 6 ล้านบาท
ส่วนทรัพย์สินของนางพักตร์พิไล ทวีสิน คู่สมรส รวม 359,514,043 บาท แบ่งเป็นเงินสด 1.8 ล้านบาท เงินฝาก 41 บัญชีรวม 41,171,313 บาท เงินลงทุน 55,425,723 บาท ยานพาหนะ 2,050,000 บาท สิทธิและสัมปทาน 748,107 บาท และทรัพย์สินอื่น 258,318,900 บาท
นางพักตร์พิไล ยังแจ้งมีรายได้ต่อปีรวม 24,707,591 บาท แบ่งเป็นจากเงินบำนาญชราภาพ 52,200 บาท เบี้ยประชุมและค่าวิทยากร 528,716 บาท เงินได้จากวิชาชีพอิสระ (แพทย์) 2,201,126 บาท ดอกเบี้ย 711,561 บาท เงินปันผลจากกองทุน 16,527บาท รายได้จากการขายทรัพย์สินระบุขายรถ Tesla รุ่น Model Y Standard 1 ล้านบาท เงินรายจ่ายที่บุตรอุปการะให้ 20 ล้านบาท เงินค่าเวนคืนกรมธรรม์ประกันชีวิต 170,400 บาท เงินปันผลกรมธรรม์ประกันชีวิต 27,060 บาท แล้วแจ้งมีรายจ่ายต่อปี 20.2 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนตัว 7 ล้านบาท ค่าท่องเที่ยว 13 ล้านบาท และเงินบริจาค 3 ล้านบาท
ส่วนทรัพย์สินอื่นเป็นนาฬิกา 32 เรือน มูลค่า 86,932,900 บาท กระเป๋าหรู 48 ใบ มูลค่า 7,010,500 บาท พระเครื่อง 2 องค์ ที่ประเมินมูลค่าไม่ได้ มีเสื้อผ้า 5 ชุด มูลค่า 2,830,000 บาท และยังมีเครื่องประดับ เข็มกลัดมุก 3 อัน มูลค่า 100,000 บาท สร้อยเพชร ไข่มุก กำไลตะปูฝังเพชร 31 ชุด มูลค่า 52,317,000 บาท ต่างหูเพชร ทับทิม มรกต ไข่มุก ต่างหูหนีบ 58 ชุด มูลค่า 31,865,600 บาท แหวนเพชร ไพลิน ทับทิม มรกต 37 ชุด มูลค่า 46,872,900 บาท และมีจี้ทองฝังพลอย จี้เพชร 2 ชุด มูลค่า 235,000 บาท
ทั้งนี้ การเปิดบัญชีทรัพย์สินของนายเศรษฐา ครั้งก่อนเมื่อวันที่ 17 มิ.ย. 2567 ซึ่งเป็นการยื่นทรัพย์สินรายการเพิ่มเติมแจ้งยื่นสินทรัพย์ “โทเคนดิจิทัล” 310 หน่วย มูลค่า 2,907 บาท และเงินฝาก 197,048 บาท ฝากไว้ที่ บริษัทอีอาร์เอ็กซ์ รวมทรัพย์สินของตัวเองและคู่สมรสขณะนั้นกว่า 1,020 ล้านบาท