ศึกฟุตบอลไทยลีก 2 คู่วุ่น เมื่อวันที่ 18 ส.ค. 67 “รถม้ามรกต” ลำปาง เอฟซี แพ้ “ม้าคะนองศึก” แพร่ ยูไนเต็ด 3-4 ที่สนามกีฬากลาง จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2567 ซึ่งต้องหยุดแข่งขันกว่า 1 ชั่วโมง ได้ข้อสรุปในเรื่องบทลงโทษแล้ว
โดยจากการประชุม คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาท จัดประชุม เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ที่มี นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ เป็นประธาน ได้พิจารณาเหตุการณ์ไม่ปกติของการแข่งขันแต่ละรายการ รวมทั้งแมตช์ดังกล่าวด้วย โดยมีผลลงโทษแยกเป็นกรณี
เริ่มจากการทำร้ายร่างกาย นาทีที่ 90+6 มีเหตุทำร้ายร่างกายในเขตโทษของทีมแพร่ โดย กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ โกลลำปาง เอฟซี ใช้เท้าเหยียบที่บริเวณใบหน้า อาทิตย์ พรหมขันธ์ ของแพร่ ก่อน อาทิตย์ ชกท้ายทอยกลับ จากนั้นนักเตะลำปาง วิ่งกรูเข้ามา แต่นักกีฬาทั้ง 2 ทีมช่วยกันห้าม ก่อนผู้ตัดสินชักใบแดงให้ อาทิตย์ ของแพร่ และให้ใบเหลือง กิตติศักดิ์ หลังกลับมาแข่งขันในนาทีที่ 90+6
เคสนี้ มีการลงโทษผู้ตัดสิน เสกสรร พันธ์ศรี ที่ไม่ให้ใบแดง กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ โกลลำปาง ที่เริ่มเรื่อง เหยียบหน้า อาทิตย์ รวมทั้งผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 จักรกฤษ แก่นแก้ว ก็โดนด้วย ที่อยู่ในพื้นที่รับผิดชอบ แต่ไม่ยกธงแจ้งผู้ทำผิดกติกา ทั้งคู่โดนพักการปฏิบัติหน้าที่คนละ 2 สัปดาห์
ส่วนการลงโทษนักเตะ ทั้ง 2 คนที่ก่อเรื่อง เป็นการเจตนาทำร้ายร่างการกันของทั้งคู่ เห็นควรพิจารณาลงโทษเพิ่มเติมจากโทษที่ได้รับจากผู้ตัดสินในสนาม ตามความผิดข้อ 1.12 (1) ทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจของผู้ถูกทำร้าย โดย อาทิตย์ พรหมขันธ์ ที่โดนใบแดงไปแล้วให้ พักแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 1 นัด ปรับ 20,000 บาท รวมโทษใบแดงอีก 2 นัด ปรับเงิน 20,000 บาท ขณะที่ กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ ให้ถูกพักการแข่งขันและห้ามเข้าสนาม 3 นัด ปรับเงิน 40,000 บาท สรุปว่าทั้งคู่โดนโทษเท่ากัน แบน 3 นัด และปรับเงิน 40,000 บาท แต่โทษปรับ เมื่อเป็นฟุตบอลรายการ ไทยลีก 2 จึงลงโทษ 2 ใน 3 เหลือคนละ 26,666 บาท
ส่วนการที่หยุดแข่งขันกว่า 1 ชั่วโมง ลำดับเหตุการณ์ดังนี้
นาทีที่ 90+6 มีเหตุการณ์ผู้เล่นทำร้ายร่างกาย กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ โกลลำปาง เอฟซี ใช้เท้าเหยียบที่บริเวณใบหน้า อาทิตย์ พรหมขันธ์ ของแพร่ ก่อน อาทิตย์ ชกท้ายทอยกลับ จากนั้นนักเตะลำปาง วิ่งกรูเข้ามา แต่นักกีฬาทั้ง 2 ทีมช่วยกันห้าม
ผู้ตัดสินหยุดแข่งขัน เพื่อพิจารณาให้ใบแดงแก่ผู้เล่นสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด และชี้แจงเหตุการณ์ในภาพรวมในกับผู้เล่นทั้งสองทีมได้รับทราบ โดยผู้ตัดสิน ได้มีการหารือกับผู้ตัดสินที่ 4
นาทีที่ 90+8 กลับมาเริ่มใหม่ ผู้ตัดสินที่ 4 แจ้งว่าลูกบอลอยู่ในการเล่น และสอบถามผู้ตัดสินว่าเหตุการณ์เกิดในเขตหรือนอกเขตโทษ ถ้าในเขตโทษต้องเป็นจุดโทษ
นาทีที่ 90+13 ผู้ตัดสินได้แจ้งนักกีฬาทั้งสองทีมทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นพิจารณาแล้วน่าจะเป็นจุดโทษ แต่ขอสอบถามข้อมูลจากผู้ช่วยผู้ตัดสินที่ 2 ก่อน
นาทีที่ 90+16 ผู้ตัดสินเดินกลับมาที่ข้างสนามพร้อมกับเรียกผู้ตัดสินที่ 4 และผู้ช่วยผู้ตัดสินทั้งสองคนมาสรุปลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างละเอียดอีกครั้ง
ระหว่างนั้นมีการประท้วงไปมาระหว่างทั้งสองทีม ผู้ควบคุมการแข่งขันจึงได้ประสานงานเจ้าบ้านจัดเตรียมกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยดูแลสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ยืนคุมพื้นที่ ป้องกันไม่ให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทีมทั้งสองทีมทะเลาะวิวาทกัน
นาทีที่ 90+28 ทีมงานผู้ตัดสินได้ข้อสรุปว่าเหตุการณ์ ผู้รักษาประตูหมายเลข 24 กิตติศักดิ์ หมู่สวัสดิ์ สโมสรลำปาง เอฟซี ได้กระทำฟาวล์ผู้เล่นหมายเลข 27 อาทิตย์ พรหมขันธ์ สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ก่อน จึงให้สโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ได้เริ่มเล่น ณ จุดที่กระทำผิด ผู้ตัดสินจึงได้เรียกหัวหน้าทีมทั้งสองทีมมารับทราบการตัดสิน และให้นักกีฬากลับลงสนามเพื่อแข่งขันต่อ ผู้เล่นสโมสรแพร่ ยูไนเต็ด ลงสนามพร้อมแข่งขันต่อ แต่นายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี ได้เรียกนักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ให้มารวมตัวที่ข้างสนาม และนักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ได้ทยอยเดินออกจากสนามแข่งขันมาที่บริเวณข้างสนามหน้าเขตเทคนิคของทีมตนเอง ไม่ยอมลงสนามแข่งขันต่อ เนื่องจากไม่เห็นด้วยกับการตัดสิน
นาทีที่ 90+37 ยังไม่สามารถเริ่มเกมได้ ผู้ตัดสินเดินไปที่กลางสนามและเรียกให้นักกีฬาทีมลำปาง เอฟซี ลงสนามแข่งขันต่อ เป็นครั้งที่สอง ประกอบกับ ผู้ควบคุมการแข่งขัน ก็ได้คุยกับนายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี เพื่อบอกให้นักกีฬาลงแข่งขัน แต่ยังไม่เป็นผล
นาทีที่ 90+44 ผู้ควบคุมการแข่งขัน จึงแจ้งกับเจ้าหน้าที่ทีมลำปาง เอฟซี จะจับเวลา 15 นาที หากครบเวลาแล้วนักกีฬายังไม่ลงสนามเพื่อแข่งขันต่อ ผู้ตัดสินเป่ายุติการแข่งขันและเขียนรายงานให้คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ พิจารณาต่อไป
นาทีที่ 90+61 นายวิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมลำปาง เอฟซี แจ้งว่าจะแข่งขันต่อ แต่เนื่องจากกองเชียร์ทีมลำปาง เอฟซี ไม่พอใจการตัดสินของผู้ตัดสิน จึงขอเวลาคุยทำความเข้าใจกับกองเชียร์ทีมลำปาง เอฟซี และขอความร่วมมือกองเชียร์ไม่ก่อเหตุการณ์ต่าง ๆ เพื่อให้การแข่งขันจบลงด้วยดี และให้ผู้เล่นสโมสรลำปาง เอฟซี ทยอยลงสนามแข่งขัน ต่อไปจนจบการแข่งขัน
นาทีที่ 90+65 แข่งจบ
เคสนี้ ลงโทษ วิทยา ดงใหญ่ หัวหน้าโค้ชลำปาง เอฟซี ที่เรียกนักกีฬารวมตัวที่ข้างสนาม กระทบต่อภาพลักษณ์ของการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพฯ จนกระทั่งผู้ควบคุมการแข่งขันต้องมีการแจ้งเตือนอยู่หลายครั้งถึงยอมลงทำการแข่งขันต่อ โทษปรับเงิน 50,000 บาท แต่เป็นรายการไทยลีก 2 ลงโทษปรับ 2 ใน 3 เหลือปรับเงิน 33,333 บาท และ ลงโทษลำปาง ปรับเงิน 50,000 บาท โทษเหลือ 33,333 บาท และต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าเสียหาย (ถ้ามี)
นอกจากนี้ คณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ ได้มีมติให้ส่งหนังสือถึงคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ตัดสิน และคณะกรรมการผู้ควบคุมการแข่งขัน เพื่อพิจารณาการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่การแข่งขัน เกี่ยวข้องกับการควบคุมและการบริหารเวลาจัดการแข่งขันว่ามีความบกพร่องอย่างไรหรือไม่ ส่งให้กับคณะกรรมการพิจารณาวินัย มารยาทฯ พิจารณาต่อไป
ขณะเดียวกัน คณะกรรมการฯ เห็นว่าภาพเหตุการณ์ทำร้ายร่างกายกันกลางสนามฟุตบอลเป็นเรื่องที่รุนแรง และกระทบต่อภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทยเป็นอย่างมาก เพราะฉะนั้น ไม่ว่าทีมใด ถ้ามีเหตุการณ์ดังกล่าว จะพิจารณาลงโทษขั้นรุนแรงและสูงสุดตามระเบียบที่วางไว้.