เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร มีการประชุมมหาเถรสมาคม (มส.) ครั้งที่ 21/2567 โดยมีรายงานว่า ที่ประชุมมส.ได้รับทราบการขอลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสพระอารามหลวง ของ พระธรรมวชิรปัญญาภรณ์ (ละเอียด กิตติสุขุโม) เจ้าอาวาสวัดสามพระยา พร้อมทั้งรับทราบตามที่ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ได้มีหนังสือแจ้งว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดให้แต่งตั้ง พระพรหมดิลก (เอื้อน หาสธมฺโม) ดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดสามพระยา และทรงพระกรุณาโปรดให้แต่งตั้ง พระธรรมวชิรปัญญาภรณ์ ดำรงตำแหน่ง เจ้าอาวาสวัดเฉลิมพระเกียรติ จ.นนทบุรี

พระพรหมดิลก
พระธรรมวชิรปัญญาภรณ์

ทั้งนี้พระพรหมดิลก เคยตกเป็นผู้ต้องหาเกี่ยวกับคดีเงินทอนวัด ซึ่งศาลได้พิพากษายกฟ้อง และคดีถึงที่สุดแล้วทั้งคดีความผิดต่อ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน คดีความผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานกระทำผิด ตามมาตรา 157 ประมวลกฎหมายอาญา โดยทุกคดีศาลพิพากษาแล้วว่าไม่มีความผิด และทุกคดีถึงที่สุดแล้ว ต่อมาเมื่อวันที่ 18 มี.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศสถาปนาสมณศักดิ์ ระบุว่า พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่าตามที่ พระพรหมดิลก ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดอาญาและได้มีพระบรมราชโองการถอดถอนสมณศักดิ์ เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2561 นั้น บัดนี้คดีถึงที่สุดแล้ว โดยพฤติการณ์ถือได้ว่าไม่ใช่ความผิดอุกฉกรรจ์ หรือความผิดร้ายแรง หรือเป็นผู้ร้ายสำคัญ ประกอบกับไม่มีการกล่าวคำลาสิกขา และไม่มีการดำเนินการให้สละสมณเพศ ทั้งปรากฏข้อเท็จจริงว่า ยังคงดำรงตนอย่างพระภิกษุโดยตลอดระหว่างถูกคุมขัง จึงมีสภาวะเป็นพระภิกษุ มีสถานะเป็น พระมหาเอื้อน หาสธมฺโม (เปรียญธรรม 9 ประโยค) ซึ่งมส.มีมติรับทราบแล้วเมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2566 จึงทรงพระกรุณาโปรดสถาปนาให้ พระมหาเอื้อน หาสธมฺโม (เปรียญธรรม 9 ประโยค) ดำรงสมณศักดิ์ พระราชาคณะเจ้าคณะรอง มีราชทินนามตามที่จารึกในหิรัญบัฏว่า พระพรหมดิลก ปริยัตินายกคณาทร บวรศาสนกิจวิธาน ศีลสมาจารนิวิฐ ตรีปีฎกบัณฑิต มหาคณิสสร บวรสังฆาราม คามวาสี สถิต ณ วัดสามพระยา พระอารามหลวง กรุงเทพมหานคร โดยให้ถือว่าไม่เคยถูกถอดถอนสมณศักดิ์และราชทินนามมาก่อน