เมื่อวันที่ 20 ส.ค. ที่ศูนย์รับเเจ้งความ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง นายอนันต์ชัย ไชยเดช ทนายมูลนิธิทนายกองทัพธรรม พร้อมทีมงานกองทัพธรรม ได้เดินทางมาแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษเครือข่ายลัทธิเชื่อมจิต ข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และแต่งกายเลียนแบบสงฆ์ สร้างความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนา พร้อมติดตามคดีลัทธิเชื่อมจิต รับทราบข้อกล่าวหา 11 ก.ย. นี้

โดย ทนายอนันต์ชัย ระบุว่า วันนี้ได้เดินทางมาแจ้งความดำเนินคดีกับเครือข่ายลัทธิเชื่อมจิตรวม 8 คน หลังจากที่มติมหาเถรสมาคม ออกระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยการส่งเสริมสำนักปฏิบัติธรรมแห่งคณะสงฆ์ 2567 ออกมา 7 ข้อ และแจ้งให้คณะสงฆ์ทั่วประเทศปฏิบัติ การใช้โฆษณาเผยแพร่คำสั่งสอนของพระไตรปิฎกแบบบิดเบือนถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม วันนี้จึงแจ้งข้อกล่าวหา พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ และข้อหาอื่น ๆ ส่วนคดีฟอกเงินอยู่ระหว่างการพิจารณา

ทนายอนันต์ชัย กล่าวว่า วันที่ 11 กันยายนนี้ ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) ได้ออกหมายเรียกกลุ่มเชื่อมจิตทั้ง 8 คน มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งพวกตนก็จะทำเรื่องคัดค้านการประกันตัวในชั้นศาล หากไม่ยุติการดำเนินการของกลุ่มดังกล่าว ที่ก่อให้เกิดความเสียหายต่อพระพุทธศาสนา นอกจากนี้จะติดตามสืบหาว่าลัทธิดังกล่าวจะมีการจัดกิจกรรมรับแสงสีทองจากเทพในสถานที่ใดบ้าง ซึ่งพวกตนจะทำหนังสือไปถึงองค์กรเหล่านั้น ขอความร่วมมือให้ยุติกิจกรรมดังกล่าว พร้อมขอความร่วมมือกับพุทธบริษัทให้ร่วมกันออกมาปกป้องพระพุทธศาสนาร่วมกัน อย่างไรก็ตามตนยังตั้งข้อสังเกตว่า การที่ลัทธิดังกล่าวยังมีการเคลื่อนไหวเชื่อว่ายังมีผู้บงการอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นจะกระชากหน้ากากบุคคลดังกล่าวออกมาให้ได้

“…วันนี้มูลนิธิกองทัพธรรมยังได้รวบรวมพยานหลักฐาน แจ้งความกล่าวโทษข้อหาผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ แต่งกายเลียนแบบสงฆ์ ของสมเด็จพระสังฆราช โดยได้มีการเชิญโอวาทของสมเด็จพระสังฆราชปี 2567 มาชี้แจงให้ฟังว่า สังคมไทยอยู่ในภาวะน่าเป็นห่วง เป็นผู้แสดงเป็นผู้รู้ทางพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นการพูดเอง คิดเอง ไม่สอดคล้องกับพระไตรปิฎก ทั้งที่ผู้รู้ต้องชี้แจงและให้ข้อมูลอย่างถูกต้อง ซึ่งหน่วยงานรัฐต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน…” ทนายอนันต์ชัย กล่าว

ด้าน ดร.ประยุทธ ประเทศเสนา รองประธานมูลนิธิกองทัพธรรม หรือ “มหาหมี” กล่าวยืนยันว่า จะต้องปกป้องพระพุทธศาสนา ส่วนผู้ที่หยิบยกหลักธรรมไปใช้ ต้องอยู่ในกรอบของพระไตรปิฎก ขณะที่ ดร.อธิเทพ ผาทา อาจารย์ประจำภาควิชาพระพุทธศาสนา มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กล่าวด้วยว่า ปัญหาทุกวันนี้ถือว่าหนักหนาสาหัสมากกว่าทุกยุคทุกสมัย ที่มีการบิดเบือนคำสอนของพระไตรปิฎก ทำให้เกิดความเสียหาย ดังนั้นจะต้องมีการแจ้งความดำเนินคดีในทุกกรณี.