เมื่อวันที่ 19 ส.ค. ที่ตลาดสดบางลำภู ในเขตเทศบาลนครขอนแก่น จ.ขอนแก่น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สอบถามความคิดเห็นจากพ่อค้าแม่ค้าภายหลังประเทศไทยมีนายกรัฐมนตรี คนใหม่ คนที่ 31 น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่จะเข้ามาบริหารประเทศและแก้ไขปัญหาในเรื่องใดเป็นสำคัญ ซึ่งจากการสอบถามพบว่า ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า อยากให้เข้ามาแก้ไขปัญหาเรื่องเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะราคาสินค้าที่แพงไปหมด ส่วนนโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ถ้าจะเดินหน้าต่อก็ไม่อยากให้มีเงื่อนไข อยากให้สามารถใช้จ่ายได้ทุกอย่างเหมือนเงินสด แต่ก็มีประชาชนบางส่วนมองว่าอายุน้อย ทำให้ไม่เชื่อมั่นในการทำงาน และเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยถูกดำเนินคดีเหมือนพ่อและอา

นางสมเจตน์ จุนเจือ อายุ 60 ปี แม่ค้าตลาดสดบางลำภูขอนแก่น กล่าวว่า ไม่มีความคาดหวังอะไรกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพราะไม่มีประสบการณ์ อายุน้อยมาก และประวัติครอบครัวไม่ดีทุกเรื่อง และยังมองว่ามีสิทธิที่จะซ้ำรอยคุณทักษิณ และคุณยิ่งลักษณ์ แน่นอน แต่เราก็จะเห็นมุมคนรุ่นใหม่ที่จะคิดอะไรที่แตกต่างออกไป ทั้งนี้ โดยส่วนตัวอยากให้แก้ปัญหาแรกจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจปากท้องประชาชน เพราะที่ผ่านมา 1 ปี จากพรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกฯ เศรษฐกิจไม่มีอะไรดีขึ้นเลย รากหญ้าไม่ได้ผลประโยชน์อะไร

“ที่ผ่านมาไม่มีอะไรดี มีแต่แย่ลง เรื่องเงินดิจิทัล 10,000 บาท ก็ไม่ได้คาดหวังและไม่เคยคิดจะรับและเข้าร่วม เพราะเป็นเงินที่จับต้องไม่ได้ แม่ค้าในตลาดแบบนี้ต้องเป็นเงินสดเท่านั้นถึงจะดีใช้จ่ายได้ หรือเป็นเงินที่สามารถนำไปใช้จ่ายในครัวเรือน จ่ายค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอม ที่สำคัญๆ โดยจะขอดูการทำงาน 6 เดือนต่อจากนี้” นางสมเจตน์ กล่าว

ขณะที่นางกัญญา อิทธิภิญญา อายุ 76 ปี แม่ค้า กล่าวว่า อยากให้นายกรัฐมนตรีแก้ไขปัญหาแรกคือปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งสำคัญที่สุดคือปากท้อง เพราะวันนี้ทุกคนเลิกหวังเงินดิจิทัล 10,000 บาทไปแล้ว ด้วยข้อกำหนดที่ยุ่งยาก สำหรับปัญหาอื่นๆ คงไม่มีอะไรสำคัญเท่าปัญหาปากท้องประชาชนด่วนที่สุด ขณะเดียวกันหลายคนมองว่ากลัวจะไปซ้ำรอยคุณทักษิณกับ คุณยิ่งลักษณ์ ก็อย่าไปคิดอย่านั้น จริงอยู่สายเลือดเดียวกัน แต่ความคิดไม่เหมือนกันแน่นอน

“นายกฯ คนนี้คือคนรุ่นใหม่ น่าจะมีความคิดพัฒนาไปกว่าพ่อแม่แน่นอน ต้องให้โอกาสคนรุ่นใหม่ลองบริหารดูบ้าง เพราะเราต้องการวัยรุ่นแสดงความสามารถ จะมัวไปยึดติดอะไรแบบเดิมไม่ได้ ขอการบริหาร 50-50 พอ ไม่ต้องเต็ม100% ขอแค่จริงใจ 2 เดือน ก็เห็นผลแล้ว และอยากให้โอกาสวัยรุ่นที่จะแสดงความสามารถบ้าง” นางกัญญา กล่าว

ด้าน น.ส.อารยานี เนียมประดิษฐ์ อายุ 62 ปี ผู้จัดการตลาดบางลำภูขอนแก่น กล่าวว่า ปัญหาเดียวทุกที่คนพูดเป็นเสียงเดียวกันคือ ปัญหาเศรษฐกิจ อย่างสารทจีนที่ผ่านมา เงียบมาก คนไหว้ลดลง และบรรยากาศในตลาดก็เงียบเหงา จากที่เคยแย่งกันซื้อ ตอนนี้โล่งมาก เลือกได้ตามใจชอบ ส่วนปัญหาอื่นๆ ยังไม่ต้องพูดถึง เพราะทุกคนต้องการให้แก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจให้ได้ก่อน เพื่อให้ทุกคนได้หายใจได้ เพราะเงินคือเรื่องสำคัญในการดำรงชีวิต

“ในเรื่องของเงินดิจิทัลวอลเล็ต เป็นความหวังของผู้คน จะเป็นไปได้หรือไม่ได้ไม่รู้ คนแห่ลงทะเบียนกันเยอะแยะ ท่ามกลางแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่หลอกเอาข้อมูล แต่ในความกังวลนั้น ทุกคนที่ลงทะเบียนมองข้ามจุดนี้ไป เพราะต้องการเงินส่วนนี้มาจุนเจือมาต่อยอด เพราะคนไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน อย่างไรก็ดี ประวัติศาสตร์ก็มีแล้ว รัฐบาลชุดนี้คงละเอียดขึ้น คงไม่เกิดความซ้ำ แต่ไม่ว่าจะอะไรก็ตาม ประเทศไทยเกิดขึ้นได้เสมอ เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ก็เป็นไปได้ ตอนนี้ทำได้แค่ให้กำลังใจนายกฯ เพราะเราไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว และที่สำคัญพ่อของนายกฯ คนนี้เก่ง ควรจะเอาเรื่องได้เปรียบตรงนี้มาใช้ และระดับนี้ไม่ควรประเมินเกิน 3 เดือน เพราะมีความพร้อมเป็นองค์คณะ ไม่ควรจะเกิน 3 เดือน แต่ในเวลา 3 เดือน ควรจะตัดสินได้แล้วว่าการบริหารประเทศดีขึ้นหรือแย่ลง” ผู้จัดการตลาดบางลำภูขอนแก่น กล่าว.