เมื่อวันที่ 18 ส.ค. รายงานข่าวจากกรมเจ้าท่า แจ้งว่า สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ได้ตรวจสอบซักถามข้อมูลเบื้องต้น พบว่า เรือเจ็ตสกีที่โดน(ชน)กับเรือให้บริการรับส่งผู้โดยสารหางยาว ที่บริเวณท่าน้ำวัดบางกระเจ้านอก ต.บางกะเจ้า อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ มีชื่อเรือว่า เจ.เอ.พี.พี. หมายเลขทะเบียนเรือ 670000026 หมดอายุวันที่ 21 ธ.ค. 67 เจ้าของเรือชื่อ ว่าที่ ร.ต.พรทวี จันทร์ม่วง ขณะเกิดเหตุมีนายชินดนัย แซ่ลิ้ม เป็นนายท้ายผู้ขับขี่เรือ จากข้อมูลเจ้าหน้าที่ตำรวจ (พ.ต.ท.อิศรัฐตันสุ ร้อยเวรเจ้าของคดี) ตรวจแอลกอฮอล์แล้ว ไม่พบปริมาณสารแอลกอฮอล์จากผู้ขับขี่เรือเจ็ตสกี
ในส่วนของกรมเจ้าท่า จากการตรวจสอบผู้ขับขี่ไม่มีประกาศนียบัตรผู้ควบคุมเรือ (ใบนายท้าย) โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ได้ออกคำสั่งห้ามใช้เรือ หากผู้ใดนำเรือไปใช้มีโทษปรับ 1,000-10,000 บาท พร้อมกันนี้ได้ออกหนังสือเชิญเจ้าของเรือและผู้ขับเจ็ตสกีเข้ามาพบ ในวันที่ 19 ส.ค. 67 เพื่อให้ข้อมูลต่อกรมเจ้าท่าต่อไป โดยหากไม่เข้ามาพบจะถือเป็นความผิด ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับ 500-5,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ ส่วนการเอาผิดและดำเนินคดีทางกฎหมาย จะร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ในวันที่ 18 ส.ค. 67 สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการได้เข้าร่วมประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรพระประแดงเกี่ยวกับอุบัติเหตุ โดยตรวจสอบเพื่อให้พิสูจน์ทราบจุดเกิดเหตุ ร่วมกับเจ้าพนักงานสอบสวน สภ.พระประแดง และร่วมตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเพื่อพิสูจน์หา DNA ของผู้ขับขี่เจ็ตสกีด้วย
อย่างไรก็ตาม สำหรับอุบัติเหตุดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 67 เวลา 21.00 น. สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีการเกิดอุบัติเหตุที่ท่าน้ำวัดบางกระเจ้านอก ทราบว่ามีเรือเจ็ตสกีโดนกับเรือให้บริการรับส่งผู้โดยสารหางยาว มีผู้สูญหาย 2 ราย เป็นผู้โดยสารกับเรือรับส่งและนายท้าย ผู้ให้บริการรับส่งพระรามสาม-บางกะเจ้า จึงเร่งประสานกู้ภัยเพื่อค้นหาผู้สูญหายทั้งสองราย และเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ได้เดินทางไป สภ.พระประแดง เพื่อสอบถามข้อมูลถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้สอบถามผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์และผู้ประสบเหตุ รวมถึงผู้ขับขี่เจ็ตสกีลำที่ชนในที่เกิดเหตุดังกล่าว
จากการสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์ นายชาติ ได้อยู่บริเวณท่าเรือวัดบางกระเจ้านอก เรือหางยาวได้ออกจากท่าเรือวัดบางกระเจ้านอก โดยมีผู้โดยสารรวมคนขับ 3 คน เพื่อไปส่งคนขึ้นเรือบังเกอร์ ที่จอดกลางน้ำบริเวณระหว่างฝั่งพระราม 3 ต่อมาไม่ทราบว่าเรือเจ็ตสกีมาจากไหน วิ่งพุ่งชนบริเวณกราบขวาเรือ บริเวณท้ายกึ่งกลาง เหตุการณ์เกิดขึ้นรวดเร็ว ทำให้คนขับเรือกระเด็นลงน้ำ พร้อมเครื่องยนต์เรือและผู้โดยสารผู้หญิงนั่งบริเวณกลางลำไปทางท้ายเรือ กระเด็นตกน้ำจมหายไป เหลือผู้โดยสารหัวเรือที่ยังอยู่บนเรือ ทราบชื่อคือนายมงคลสวัสดิ์ เวิ่นกระโทก ได้เล่าว่าเรือเจ็ตสกีได้ชนเรือที่ตนนั่ง ทำให้ภรรยาตน และนายท้ายเรือตกและจมน้ำ ผู้เห็นเหตุการณ์ได้ขับเรือเพื่อเข้าช่วยเหลือเรือหางยาวลากเข้าฝั่งทันที และช่วยค้นหาผู้ประสบเหตุทั้ง 2 แต่หาไม่พบ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมนักประดาน้ำช่วยค้นหา
ขณะเดียวกันได้สอบถามข้อมูลเบื้องต้นกับผู้ขับขี่เจ็ตสกีลำที่ชนเรือหางยาว ชื่อนายธินดนัย แซ่ลิ้ม ได้ความว่าตนกับพวก ขับเจ็ตสกี ไปทานข้าวย่านบางกะเจ้า 5 ลำ ระหว่างเดินทางกลับเข้าคลองจอมทอง กทม. ได้เกิดเหตุเรือชนเรือหางยาว บริเวณกลางแม่น้ำ ระหว่างพระราม 3-วัดบางกระเจ้านอก มองไม่เห็นเรือหางยาว เนื่องจากทัศนวิสัยมืด จึงทำให้ชน ทำให้ตนและผู้ซ้อนเป็นหญิงตกน้ำ โดยพวกเพื่อนได้มาช่วยเข้าฝั่ง ซึ่งผู้ซ้อนได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาลบางปะกอกสมุทรปราการแล้ว จากนั้นเวลา 00.53 น. เจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสมุทรปราการ ได้เดินทางมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ ท่าเรือวัดบางกระเจ้านอก ได้ให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญูชี้จุดเกิดเหตุจากการสอบสวน เพื่อให้การค้นหาง่ายขึ้น และในเวลาประมาณ 03.40 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยพบร่างผู้เสียชีวิตทั้งสองรายคือนางปาริฉัจ หอบมั่น อายุ 43 ปี และนายประยูร อ่วมประทุม อายุ 66 ปี (ผู้ขับขี่เรือหางยาว)
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า จากข้อมูลทะเบียนเรือเจ็ตสกีลำเกิดเหตุ พบว่า มีราคาเรือพร้อมเครื่องยนต์อยู่ที่ 7 ล้านบาท.