เจอนิติสงครามบีบให้ “แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลูกเลิฟนายใหญ่ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นนั่งเก้าอีกนายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ในวัยเพียง 38 ปี เป็นนายกฯหญิงคนที่ 2 และวัยละอ่อนที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย
หลังศาลรัฐธรรมนูญมีมติ 5 ต่อ 4 เสียง ถอดถอน นายเศรษฐา ทวีสิน ออกจากนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ส่งผลให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องพ้นไปทั้งคณะ
วันศุกร์ที่ 16 สิงหาคม ในการประชุมรัฐสภาจึงได้มีการโหวตเลือก “อุ๊งอิ๊ง” “แพทองธาร ชินวัตร” เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเสียงหนุนแบบปึ้ก ๆ 319 เสียง โดยมีงูเห่าจากพรรคไทยสร้างไทย ถึง 6 เสียง
แต่หลายคนก็แอบเป็นห่วงว่าด้วย วัยวุฒิ คุณวุฒิ จะแบกประเทศไทยทั้งประเทศพ้นวิกฤติเศรษฐกิจได้อย่างไร
งานนี้ “แพทองธาร” บอกว่า ได้ปรึกษาหารือกับ “คุณพ่อทักษิณ” อย่างใกล้ชิดตลอดอยู่ เป็นการโชว์ให้เห็นว่า ว่า มีแบ็คอัพดี
แต่อย่าลืมว่าในประวัติศาสตร์ของนายกรัฐมนตรีที่มาจาก “ตระกูลชินวัตร” ทั้ง “ทักษิณ และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ต่างมีจุดจบด้วยการถูกปฏิวัติรัฐประหาร
พลิกประวัติศาสตร์เมื่อวันที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2549 คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ก่อรัฐประหารล้ม “รัฐบาลทักษิณ” ทำให้ “ทักษิณ” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
เวลาต่อมาคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) คณะรัฐประหารซึ่งแปรสภาพมาจาก คปค. เป็นผู้แต่งตั้ง ทำการอายัดทรัพย์ของทักษิณและครอบครัวในประเทศไทยรวม 76,000 ล้านบาท จนต้องหนีคดีความไปอยู่ต่างประเทศ แต่สุดท้ายกลับมาเป็นผู้ยิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง
ขณะที่เหตุการณ์รัฐประหาร “ปู” “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เกิดเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นำโดย พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา กระทำรัฐประหารยึดอำนาจรัฐบาลรักษาการของ นิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล (รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) จนสุดท้ายน.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องลี้ภัยไปอยู่ต่างประเทศกับ “ทักษิณ” พี่ชาย
เกมการปิดจุดอ่อนสกัดแรงเคลื่อนการทำรัฐประหารจึงเกิดขึ้น โดยเริ่มนับหนึ่งตั้งแต่ รัฐบาล “เศรษฐา ทวีสิน” ที่มี “สุทิน คลังแสง” รมว.กลาโหม เป็นผู้เดินเกม
ล่าสุดปฏิบัติการนี้เริ่มเป็นรูปธรรม ได้เห็นร่องรอยการแผ้วถางทาง เพื่อสกัด “รัฐประหาร”
โดยสภากลาโหม ได้ฤกษ์เคาะร่างกฎหมายสกัดรัฐประหาร และเตรียมชงเข้าครม. สาระสำคัญของร่างแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม คือ การสกัดกั้นการทำรัฐประหาร ให้อำนาจ “นายกฯ” โดยความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี(ครม.) สั่งพักราชการทหารคิดทำการรัฐประหาร
เป็นเรื่องที่ต้องจับตาว่าจะแผ้วถางทางได้สำเร็จหรือไม่ แต่สิ่งสำคัญที่จะเป็นพนักทองแดงกำแพงเหล็กให้กับ”รัฐบาล แพทองธาร” คือการสร้างผลงานให้เป็นที่ประจักษ์ โดยเฉพาะการปฏิบัติตามคำมั่นสัญญา ที่เคยให้ไว้ในสนามเลือกตั้ง โดยเฉพาะการชี้แจงเรื่องการไม่สานต่อโครงการแจกเงินหมื่นดิจิทัลวอลเล็ต ที่รัฐบาลตั้งท่าจะตัดตอนโดยอ้างว่า เมื่อเปลี่ยนนายกฯแล้วโครงการนี้ก็สามารถหยุดลงได้ ปมนี้จะเป็นปัญหาค้างคาใจจะกลายเป็นว่ายังไม่ทันเริ่มงานก็มีคำโกหกโผล่ขึ้นมาแล้ว อย่างนี้จะให้ประชาชนเชื่อใจได้อย่างไร