สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงเวลลิงตัน ประเทศนิวซีแลนด์ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. ว่าประธานาธิบดีซูรังเกิล วิปป์ส ผู้นำปาเลา กล่าวว่า หมู่เกาะเล็ก ๆ ในมหาสมุทรแปซิฟิกที่มีประชากร 18,000 คนของเขาถูกบังคับให้เปลี่ยนท่าที “เรามีความสัมพันธ์กับไต้หวัน แต่จีนบอกเราอย่างเปิดเผยว่าแนวคิดนี้ผิดกฎหมาย และไม่ควรยอมรับไต้หวัน” วิปส์กล่าว
วิปป์สอ้างว่า จีนบอกกับปาเลาว่า ไม่มีอะไรเกินความสามารถ และจีนสามารถให้ทุกอย่างที่ปาเลาต้องการได้ “เราต้องการการพัฒนาเศรษฐกิจ แต่ขณะเดียวกันเราก็มีค่านิยม ความร่วมมือ และความสัมพันธ์ที่มีกับไต้หวัน” เขากล่าวเสริม “เราเต็มใจที่จะเป็นมิตรกับจีน แต่ไม่ใช่การแลกกับความสัมพันธ์กับไต้หวัน”
นอกจากนั้น ผู้นำปาเลากล่าวหาจีนว่า “ใช้การท่องเที่ยวเป็นอาวุธ” และพยายามสร้างอิทธิพลต่อจำนวนนักท่องเที่ยว ซึ่งตามข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของปาเลาประมาณครึ่งหนึ่งมาจากการท่องเที่ยว “ในช่วงล่าสุด มีข่าวจากจีนว่าปาเลาเป็นสถานที่ไม่ปลอดภัย และไม่ควรไปท่องเที่ยว” วิปป์สกล่าว
ปาเลาถูกกีดกันไม่ให้เข้าร่วมประชุมของสมาคมตัวแทนท่องเที่ยวเอเชียแปซิฟิก ที่เขตบริหารพิเศษมาเก๊า ซึ่งเกิดขึ้นก่อนพิธีสาบานตนเข้ารับตำแหน่งของประธานาธิบดีไล่ ชิง-เต๋อ ผู้นำไต้หวัน เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา “นั่นคือความจริงที่เรากำลังเผชิญอยู่” วิปป์สกล่าวเสริม
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วิปส์กล่าวหารัฐบาลปักกิ่ง ว่าแทรกแซงกิจการภายในของปาเลา ย้อนกลับไปเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังปาเลาถูกโจมตีทางไซเบอร์ครั้งใหญ่ วิปป์สกล่าวว่า ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าแรนซัมแวร์ที่ใช้ในการโจมตี อาจถูกพัฒนาขึ้นในรัสเซีย, ส่งออกมาจากมาเลเซีย และดูเหมือนว่ามีความเกี่ยวโยงกับจีนด้วย.
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES