วันที่ 16 ส.ค.เป็นวันประวัติศาสตร์อีกวันที่มีการเลือกนายกฯ พรรคร่วมรัฐบาลมีมติสนับสนุน “อุ๊งอิ๊ง-น.ส.แพทองธาร ชินวัตร” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บุตรสาวนายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นเป็นนายกฯ คนที่ 31 ตามคำเรียกร้องของ สส.พรรคเพื่อไทย ที่บอกว่า “อยากได้คนรุ่นใหม่” ผลโหวตก็ไม่ผิดจากที่คาด ที่ประชุมมีมติเห็นชอบ 319 เสียง ไม่เห็นชอบ 145 เสียง งดออกเสียง 27 เสียง ส่วน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ( พปชร.) และ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ไม่ขานชื่อ น.ส.แพทองธาร จึงได้เป็นว่าที่นายกฯ คนที่ 31 ของประเทศไทย จากนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ จะนำรายชื่อนายกฯ ขึ้นทูลเกล้าฯต่อไป

อนึ่ง ที่ สส.ทั้งหมดมี 493 คน มี สส. 6 คน ที่สมาชิกภาพสิ้นสุดลงเนื่องจากกรณีการยุบพรรคก้าวไกล และถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ประกอบด้วย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ นายชัยธวัช ตุลาธน นายอภิชาติ ศิริสุนทร น.ส.เบญจา แสงจันทร์ นายสุเทพ อู่อ้น นายปดิพัทธ์ สันติภาดา และอีก 1 คน นางมุกดาวรรณ เลื่องศรีนิล สส.นครศรีธรรมราช เขต 8 พรรคภูมิใจไทย ที่ถูกศาลฎีกาสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ และได้เกิดเหตุการณ์สวนมติฝ่ายค้าน เนื่องจาก สส.ไทยสร้างไทย ( ทสท.) ทั้ง 6 คน ซึ่งเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้านโหวตเห็นชอบ น.ส.แพทองธารทั้งหมด คือ นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ นายชัชวาล แพทยาไทย สส.ร้อยเอ็ด เลขาธิการพรรค น.ส.สุภาพร สลับศรี สส.ยโสธร นายหรั่ง ธุระพล สส.อุดรธานี นายอดิศักดิ์ แก้วมุงคุณทรัพย์ สส.อุดรธานี นายฐากรให้สัมภาษณ์ยืนยันยังเป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ไม่มีการต่อรองเก้าอี้ รมต.ได้แจ้งไปยังนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ประธานวิปฝ่ายค้านแล้ว ไม่มีการเป็นงูเห่า เพราะไม่มีมติพรรค นี่คือมติที่ประชุม สส. ซึ่ง สส.เขตของพรรคเราบอกว่า ประชาชนในพื้นที่ต้องการให้มีรัฐบาลมาบริหารประเทศโดยเร็ว

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ได้แสดงความผิดหวัง ว่า การกระทำดังกล่าวขัดต่อจุดยืนและอุดมการณ์ของพรรค และผิดมารยาทในการทำงานร่วมกับพรรคฝ่ายค้าน สรุปผลคะแนน เสียงคะแนนเห็นชอบ 319 เสียงนั้น มาจากเสียง สส.ฝ่ายรัฐบาลที่ลงมติไปทางเดียวทุกพรรค ตัดเสียงของนายวันมูหะหมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร กับนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ไม่มาประชุม ทำให้เสียง สส.ฝ่ายรัฐบาลเหลือ 310 เสียง จากเดิม มี 314 เสียง แต่มีเสียงของฝ่ายค้าน สส.พรรคไทยสร้างไทย 6 คน ที่เทเสียงเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธารทั้ง 6 คน พรรคประชาธิปัตย์งดออกเสียง พรรคประชาชนไม่เห็นชอบ รวมถึงพรรคเล็ก 1 เสียง จำนวน 3 พรรค ที่อยู่ในซีกฝ่ายค้าน ได้แก่ พรรคประชาธิปไตยใหม่ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน พรรคใหม่ อีก 3 เสียง ก็เทเสียงเห็นชอบให้ น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ ด้วย ทำให้เสียงเห็นชอบให้น.ส.แพทองธารเป็นนายกฯ รวม 319 เสียง

สำหรับเสียงไม่เห็นด้วย 145 เสียงนั้น เป็นเสียงของพรรคก้าวไกล 143 เสียง พรรคเป็นธรรม 1 เสียง และพรรคไทยก้าวหน้าของนายไชยามพวาน มั่นเพียรจิตติ์ สส.กทม. 1 เสียง ส่วนคะแนนงดออกเสียง จำนวน 27 เสียง มาจาก พรรคประชาธิปัตย์ 25 เสียง และ อีก 2 เสียง มาจาก นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา กับนายพิเชษฐ เชื้อเมืองพาน น.ส.แพทองธาร ลุ้นผลการโหวตอยู่ที่อาคารวอยซ์ทีวี ถนนวิภาวดีรังสิต เมื่อได้รับทราบข่าวเสียงโหวตท่วมท้น ว่าที่นายกฯ มีสีหน้ายิ้มแย้มน้ำตารื้นอย่างตื่นตัน ประกาศจะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ เพื่อประชาชน ขอให้มีการโปรดเกล้าฯ ลงมาก่อน แล้วจะพูดเรื่องการบริหารอีกครั้ง วันนี้ตั้งใจจะมาขอบคุณคะแนนโหวต และได้คุยกับนายทักษิณผ่านทางเฟซไทม์ “ คุณพ่อบอกว่าเมื่อได้รับโปรดเกล้าฯ แล้วก็ขอให้ทำให้เต็มที่ รวมถึงมีการแซวว่า ดีใจที่มีหวังว่าจะได้เห็นลูกสาวได้รับตำแหน่งก่อนที่จะเป็นอัลไซเมอร์ เพราะอายุมากแล้ว ซึ่งเป็นการพูดกันเล่นๆ และคุณพ่อก็เป็นกำลังใจให้เสมอ ส่วนคุณแม่ ( คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ ) ก็เป็นห่วงบ่อย โทรมาถามว่าทานข้าวหรือยัง ตอนนั้นอิ๊งค์กำลังทานข้าวอยู่ ก็บอกคุณแม่ว่าจะดูแลตัวเองให้ดี”

อุ๊งอิ๊ง ยืนยันว่า สามารถจัดการกับความกดดันทางการเมืองได้ และไม่เคยคิดว่าตัวเองดีที่สุด แต่โชคดีที่มีทีมที่เก่ง มีความคิดทิศทางเดียวกัน แต่ยังไม่ขอพูดเรื่อง ครม.รวมถึงจะนั่งควบกลาโหมเองหรือไม่ ในวันเดียวกันนี้ ก็มีเรื่องน่าสนใจที่นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ประชุมสภากลาโหม โดย พล.ร.ต.ธนิตพงศ์  สิริเศวตศักดิ์  โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงผลการประชุมตอนหนึ่งว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ. จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม(ฉบับที่…) พ.ศ…. และร่าง พ.ร.บ.ธรรมนูญศาลทหาร(ฉบับที่…)พ.ศ….  ขั้นตอนต่อไปจะส่งไปยังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี(สลค.)เพื่อนำเข้าสู่ กระการพิจารณาของ ครม.จากนั้นจะส่งเข้าบรรจุในวาระการพิจารณาของสภา สาระสำคัญของร่างแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.จัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม คือการสกัดกั้นการทำรัฐประหาร ให้อำนาจนายกฯ โดยความเห็นชอบของ ครม. สั่งพักราชการทหารคิดทำการรัฐประหาร นี่คือการวางหมากเดินเกมป้องกัน “อุบัติเหตุทางการเมือง” สำหรับ น.ส.แพทองธารหรือไม่ ?

คนที่มีปฏิกิริยารุนแรงจนน่าตกใจ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร. ซึ่ง พล.อ.ประวิตรไม่ได้เข้าร่วมประชุม แต่ไปที่สภาโอลิมปิกแห่งประเทศไทยฯไปในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เพื่อเปิดห้องรับรองสำนักงานคณะกรรมการเลี้ยงต้อนรับและแสดงความยินดีให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน สมาคมกีฬา และคณะเจ้าหน้าที่ ที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 33  ก่อนกลับ ผู้สื่อข่าวกรูกันไปสอบถาม พล.อ.ประวิตรถึงเรื่องการโหวตเลือกนายกฯ พล.อ.ประวิตรไม่ตอบ พูดสั้นๆ ว่า ฮึ่ย!!! ก่อน พล.อ.ประวิตรจะเดินถึงรถ ผู้สื่อข่าวยังสอบถามถึงประเด็นการเมืองอย่างต่อเนื่องว่าดูการโหวตเลือกนายกฯ เป็นอย่างไรบ้าง พล.อ.ประวิตร มีท่าทางฉุนเฉียวอย่างเห็นได้ชัด และใช้มือตีเข้าไปที่ศีรษะผู้สื่อข่าวหญิง  2 รอบ และขึ้นรถไป และกล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า  “ถามอะไรๆ ถามไม่รู้เรื่อง ยังจะถามอีก”

สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทยออกแถลงการณ์ ว่า การกระทำดังกล่าวเข้าข่าย ข่มขู่ คุกคามสิทธิเสรีภาพในการทำหน้าที่ของสื่อมวลชน จึงขอให้ พล.อ.ประวิตรแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำดังกล่าว ขณะเดียวกันขอเตือนไปยังบุคคลใดก็ตามพึงระมัดระวังการใช้อารมณ์รุนแรงชั่ววูบอันอาจก่อให้เกิดผลเสียตามมาได้ ท่าทีของ พล.อ.ประวิตรถูกวิจารณ์อย่างมากในสังคมออนไลน์ และทำให้เป็นที่สนใจถึงท่าทีของพรรค พปชร.กับการร่วมรัฐบาลต่อไปว่าจะราบรื่นหรือไม่ ก่อนหน้านี้ก็มีข่าวความไม่ลงรอยระหว่าง พล.อ.ประวิตรกับพรรคเพื่อไทย จนจะปรับ พปชร.ออกจากพรรคร่วมรัฐบาลมาแล้ว ทางออกเรื่องนี้ พล.อ.ประวิตรได้ให้ พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ได้โทรศัพท์สายตรงมาถึงผู้สื่อข่าวที่ถูกตบหัว พล.อ.ณัฐได้ส่งสายโทรศัพท์ให้ พล.อ.ประวิตรพูดคุยกับผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าตนเองไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้มีเจตนาอะไรเลย เพราะปกติแล้วตนก็ได้พูดล้อเล่นและแหย่เล่นกับผู้สื่อข่าวที่คุณหน้าคุ้นตากันเป็นประจำ ซึ่งเมื่อได้รัฐบาล จะต้องประชุมเพื่อจัดทำนโยบายรัฐบาลใหม่ ..ตามที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยระบุ คือวันที่ 20 ส.ค. ..น่าสนใจว่า นโยบายเรือธง ดิจิทัลวอลเลตยังอยู่หรือไม่ หลังมีข่าวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ สั่งเบรก ..ถ้าเลือกไม่เดินหน้าต่อ เพื่อไทยจะใช้นโยบายอะไรกระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกความศรัทธาคืนมา

สำหรับท่าทีของรัฐบาล ก็น่าสนใจในการทำนโยบายและการฟอร์มทีม ครม.ใหม่ “จะให้ตามโควตาเก่าหรือไม่ “นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ พูดเป็นนัยว่า “ไม่มีโควตาเดิม เมื่อรัฐบาลเก่าสิ้นสุดลงแล้ว รัฐบาลใหม่ก็ขึ้นอยู่กับผู้นำหรือนายกฯ คนใหม่ จะคุยกับพรรคร่วมรัฐบาล หารือกันว่าสถานการณ์ปัจจุบันยังคงมีความเหมาะสมว่าจะเป็นอย่างไรอีกครั้งหนึ่ง” และย้ำว่า นโยบายรัฐบาลก็ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่

นายภูมิธรรม กล่าวด้วยว่า การที่นายกฯ คนใหม่นามสกุลชินวัตรก็ไม่มีปัญหาหรืออะไรเชิงลบ ที่ผ่านมาตระกูลชินวัตรได้ทำงานให้กับประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง ไม่คิดว่าวัยวุฒิของ น.ส.แพทองธารจะเป็นปัญหา อยู่ที่ศักยภาพความสามารถ การเข้าถึงประชาชน และการยอมรับของประชาชนเป็นหลัก ส่วนนโยบายต่างๆ จากนี้โดยเฉพาะดิจิทัลวอลเลตนั้น ต้องรอ น.ส.แพทองธารหารือพรรคร่วมรัฐบาลก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายใหม่

นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้พูดทำนองดักคอไว้ก่อน ว่า “เรื่องกัญชาก็ต้องชัดเจน นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายก ฯ ก็ตัดสินใจให้ออกเป็นกฎหมาย ถือว่าเป็นความร่วมมือที่แน่นแฟ้นขึ้นทุกวันจากการทำงานร่วมกันและเราไม่ต้องยืนยันตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทย ที่เป็น รมว. 4 ตำแหน่ง รมช. 4 ตำแหน่ง เพราะได้แจ้งกับพรรคแกนนำแล้วว่า พรรคภูมิใจไทยไม่มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งหรือตัวบุคคล และพรรคร่วมรัฐบาลยืนยันชัดเจนแล้วว่าจะไม่แตะ ม. 112  สำหรับรัฐบาลใหม่ เรามีเวลาอีก 2 ปี 11 เดือนประชาชนจะตัดสิน”

ภายหลังโปรดเกล้าฯ เราจะได้เห็นประเทศไทยภายใต้การนำของนายกฯ หญิงคนที่สอง และเป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย สิ่งที่คนสนใจคือ “พ่อนายกฯ”จะเข้ามามีบทบาทแค่ไหน และนโยบายอะไรที่จะชูเป็นเรือธงเพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับมาให้พรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งครั้งหน้า ปี 2570

“ทีมข่าวการเมือง”