เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศทำเนียบรัฐบาล ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญอ่านคำวินิจฉัยให้ นายเศรษฐา ทวีสิน พ้นจากนายกรัฐมนตรี เสร็จสิ้น สื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศ ที่มาดักรอฟังการเปิดใจของ นายเศรษฐา โดยเมื่อเวลา 15.55 น. นายเศรษฐา ได้เดินลงจากตึกไทยคู่ฟ้า มาแถลงที่บริเวณประตูด้านหน้าตึกไทยฯ มี นายจักรพงษ์ แสงมณี รักษาการ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะทำงาน ได้เดินลงมาพร้อมกัน

นายเศรษฐา แถลงเปิดใจโดยใช้เวลาทั้งสิ้น 19 นาที ว่า “คำพิพากษาออกมาแล้ว ต้องขอขอบคุณตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทุกท่านที่ให้โอกาสทุกๆ ฝ่ายได้มีโอกาสชี้แจงประเด็นทั้งหลาย และมีการหยิบยกกันมาพูดในวงกว้างและเป็นธรรม ผมเคารพในการตัดสินใจคำพิพากษาของทางศาลรัฐธรรมนูญ ขอยืนยันตลอดระยะเวลาปีหนึ่งหรือเกือบปีหนึ่งที่ดำรงตำแหน่งมา พยายามทำทุกอย่างให้ถูกต้อง มีความตั้งใจจริงในการทำงาน ยึดมั่นในอุดมการณ์ทำงานด้วยความซื่อสัตย์สุจริต รับฟังความคิดเห็นของทุกๆ ฝ่าย ยืนยันไม่เป็นที่ขัดแย้งของทุกๆ คน และขอยืนยันเคารพคำตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ”

เมื่อถามว่าศาลชี้ว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง ซึ่งทำให้ต้องยุติบทบาททางการเมืองตลอดชีวิต นายเศรษฐา กล่าวว่า “ผมไม่ได้ดูตรงคำว่าจะตัดสิทธิหรือไม่ตัดสิทธิมากกว่า แต่ผมเสียใจตรงที่ว่าถูกออกไปเพราะเป็นนายกฯ ที่ไม่มีจริยธรรม ซึ่งผมยืนยันในตัวตนของผม คิดว่าผมไม่ใช่คนอย่างนั้น แต่อย่างที่บอกท่านตัดสินมาแล้วซึ่งเป็นตุลาการที่มีความรู้ความสามารถ ท่านตัดสินมาผมก็น้อมรับ”

เมื่อถามว่าจะฝากอะไรกับคนที่มาทำหน้าที่ต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนคิดว่าไม่ต้องฝากเพราะทีมงานก็อยู่ ทางรัฐมนตรีก็ยังเป็นรัฐมนตรีรักษาการอยู่ ตามความเข้าใจของตน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กำลังหาไฟลต์บินกลับจากคาซัคสถาน ถ้ากลับมาไม่ทัน ก็มีรองนายกฯ คนที่ 2 นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ซึ่งอยู่มาหลายรัฐบาลแล้ว และมีประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินดีอยู่แล้ว และตนก็มั่นใจในทีมงาน ซึ่งขบวนการสรรหานายกฯ ต่อไปก็ต้องผ่านทางสภา ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย

เมื่อถามต่อว่าคิดว่ามีใครวางยาหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนไม่เคยคิดอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าผลออกมาไม่ใช่เป็นที่เราคาดหวังแล้วจะไปกล่าวโทษคนนั้นคนนี้หรือวางยา ตนไม่เชื่ออย่างนั้น และตนไม่อยากกลับไปอีกแล้วซึ่งได้แถลงชี้แจงไปเรียบร้อยแล้ว และแถลงปิดคดีไปแล้ว เป็นเรื่องที่ตนอยากจะพูดไป และตุลาการทุกท่านก็มีข้อมูลพร้อมอยู่แล้ว ท่านตัดสินบนข้อมูลและยืนยันตนน้อมรับคำตัดสิน

เมื่อถามย้ำว่า เข็ดหรือไม่ในทางการเมือง นายเศรษฐา กล่าวว่า มันไม่เกี่ยวว่าเข็ดหรือไม่เข็ด เพราะที่จริงแล้วปัญหาบ้านเมืองยังมีอยู่มาก แต่ละคนก็สามารถทำหน้าที่ช่วยเหลือบ้านเมืองได้ในหลายๆ หน้าที่ 

เมื่อถามอีกว่า การที่ได้มาเป็นนายกฯ เกือบปี การก้าวมาสู่การเมืองตรงนี้คิดว่าได้บทเรียนอะไร ที่เรียกว่าเป็นบทเรียนราคาแพง นายเศรษฐา กล่าวว่า คำถามนี้มันยาก เรื่องบทเรียนราคาแพงมันออกได้ทั้งเป็นบวกและเป็นลบ ซึ่งตนไม่อยากมองในแง่ลบมากกว่า การที่มาบอกว่าเป็นบทเรียนราคาแพงหรือใครวางยาอะไร อย่าไปก้าวล่วงตรงนั้นดีกว่า เดินข้างหน้าต่อไป วันนี้เราน้อมรับคำตัดสินและเดินไปข้างหน้าดีกว่า ให้กระบวนการทางนิติบัญญัติ สภา ดำเนินเรื่องในการสรรหานายกฯ คนต่อไป

เมื่อถามต่อว่า ได้ดูข้อกฎหมายหรือไม่ว่า นายกฯ คนต่อไปจะต้องมาจากพรรคเพื่อไทย (พท.) หรือไม่ นายเศรษฐา ตอบว่า เรื่องนี้ตนไม่ทราบจริงๆ ก็อย่างที่ตนบอก เป็นเรื่องของข้อกฎหมายฝ่ายพรรคเพื่อไทยก็ไปดูตรงนั้นต่อไป ส่วนสมมุติว่าเขาไม่ได้ห้ามให้นายกฯเป็นแคนดิเดตได้อีก นายเศรษฐา กล่าวว่า อย่าไปไกลถึงขนาดนั้น ไปเป็นขั้นเป็นตอนดีกว่า 

เมื่อถามย้ำว่า นายกฯ ไม่ได้ถูกหลอกให้ไว้ใจใครบางคนหรือบางกลุ่มใช่หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า หากจะบอกว่าที่ผลออกมาเป็นอย่างนี้ เพราะตนไว้ใจคนนั้นคนนี้ไม่ใช่ เพราะทุกคนก็มีความหวังดีด้วยกัน ตนมองว่าทุกคนมีความหวังดีกับประเทศชาติดีกว่าแต่จะดำเนินการกันอย่างไรมีแผนงานบริหารจัดการประเทศอย่างไรก็เป็นเรื่องของแต่ละคนไป ด้วยวิธีการทำงาน

“แต่ผมขอยืนยันตรงนี้ ยืนตรงนี้ และก็ขอบอกว่าน้อมรับคำตัดสิน ยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ทำงานมาในตึกไทยคู่ฟ้าในตำแหน่งหน้าที่นี้ ผมก็ทำอย่างเต็มที่และทำด้วยความบริสุทธิ์ ไม่ได้มีปัญหากับใครเป็นการส่วนตัว ไม่ได้มีความขัดแย้งกับใครเป็นการส่วนตัว ลองไปดูคำสัมภาษณ์ของผมดู” นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่า เรื่องโครงการเติมเงิน 1 หมื่นบาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต จะดำเนินการต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เข้าใจถึงความกังวล อย่างที่ตนเรียนจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือพรรคเพื่อไทย ถ้าเปลี่ยนผู้นำแล้วเขาก็มีสิทธิในการเปลี่ยนแปลงนโยบายได้ตามที่เห็นสมควร ต้องเรียนตรงๆ ได้ว่าตนไม่มีอำนาจแล้ว ต้องเป็นหน้าที่รักษาการนายกฯ หรือนายกฯ คนใหม่ที่ต้องกลับเข้ามา และเข้าใจถึงความกังวล  แต่ก็เป็นหน้าที่ของรักษาการนายกฯ หรือนายกฯ คนใหม่จะเลือกนายกฯ ได้เร็วขนาดไหน

เมื่อถามด้วยว่า วันนี้รู้สึกปลอดโปร่งหรือไม่  ที่หมดสถานะตรงนี้หรือปล่อยให้การเมืองดำเนินต่อไปตามวิถีของมันหรือ นายเศรษฐา ตอบว่า ตนว่าปล่อยให้การเมืองเดินไปตามวิถีของมันมากกว่าจะปลอดโปร่งหรือเปล่า หรือว่าอะไรหรือเปล่า ก็ขอให้เป็นความรู้สึกส่วนตัวแล้วกันดีกว่า เพราะความกังวล อย่างที่บอกกังวลเรื่องของบ้านเมืองในหลายๆ เรื่อง

ส่วนหลังจากนี้จะช่วยงานพรรคเพื่อไทยต่อไปหรือไม่ ในฐานะสมาชิกพรรค นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังไม่ทราบจริงๆ แต่ตนก็อยากจะช่วยเหลือบ้านเมืองต่อไปในบทบาทอื่นๆ ไม่จำเป็นต้องเป็น สส.หรือนายกฯ 

เมื่อถามต่อว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค พท.ในฐานะแคนดิเดตนายกฯ มีความพร้อมที่จะสานต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนว่าทุกท่านที่อยู่ในรายชื่อแคนดิเดตนายกฯ เขามีความพร้อมตรงนี้ต้องเคารพกระบวนการรัฐสภาที่จะเลือกนายกฯ คนใหม่เข้ามา  ส่วนจะฝากอะไรกับนายกฯ คนใหม่หรือไม่ กับในสิ่งที่ทำมาเสียดายไม่ได้สานต่อ นายเศรษฐา กล่าวว่า ตนฝากไม่ได้ เพราะจะเป็นการกดดันมากกว่า แต่ละคนก็มีวิถีที่จะเดินไปถึงจุดๆ หนึ่ง ตนว่าไม่เป็นการยุติธรรมกับนายกฯ คนต่อไป ว่าจะต้องทำตามนายเศรษฐาหรือว่าอะไร อย่างไร ตนว่าให้เกียรติท่านดีกว่า ให้เวลาระบบรัฐสภา ระบบตุลาการตัดสินดีกว่าว่าจะมาอย่างไร ไปอย่างไร 

เมื่อถามอีกว่า เจอแบบนี้จะสร้างกำลังใจให้ตัวเองอย่างไร นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เพราะก้าวเข้ามาวันแรกก็รู้อยู่แล้วว่าจะออกอย่างไรได้หลายๆ หน้า จะครบ 4 ปีหรือไปตั้งแต่ปีที่หนึ่ง มันก็ต้องพร้อมทั้งหมด ในทุกๆ ฉากทัศน์ เมื่อถามว่า  การเป็นนักการเมืองกับการเป็นนักธุรกิจอะไรโหดร้ายกว่ากันเมื่อเจอความผิดหวัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ความผิดหวังทุกเรื่องโหดร้ายหมด แต่เราก็ต้องดีกับมันไป

เมื่อถามว่าในวันที่ 15 ส.ค. สิ่งแรกที่อยากจะทำหลังตื่นนอนคืออะไร นายเศรษฐา นิ่งคิดสักครู่ก่อนกล่าวว่า ยังไม่แน่ใจเหมือนกัน แต่คิดว่าคงจะได้ไปลอยอังคารคุณแม่เร็วขึ้น ครั้งแรกว่าจะไปลอยในวันที่ 24 ส.ค. แต่อาจจะเป็นอาทิตย์นี้หรือเปล่ายังไม่แน่ใจ เดี๋ยวขอถามญาติๆ ดูก่อน ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไร แต่ถ้าหากทางทีมงานอยากจะพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรหรือเรื่องส่งต่องาน ตนก็พร้อมแต่ไม่ได้วางแผนอะไร  ส่วนอยากจะกล่าวอะไรถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า ไม่มี เพราะรู้จักกันอยู่แล้ว  เดี๋ยวว่างๆ ก็จะหาเวลาไปกินกาแฟกันเป็นธรรมดา ไม่ได้มีอะไร

“ผมเชื่อว่าการที่ผมทำงานมาโดยตลอด และอยากจะบอกว่าที่ผ่านมาผมตั้งใจทำงานจริง และไม่ได้เป็นคู่ขัดแย้งกับใคร พยายามทำงานให้สุจริตดีที่สุด สำหรับประชาชนเท่านั้นเอง ส่วนใครจะเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ต หรือไม่เอาดิจิทัลวอลเล็ต ทำแลนด์บริดจ์หรือไม่ทำแลนด์บริดจ์ และซอฟต์พาวเวอร์จะทำต่อหรือไม่ทำต่อ ก็เป็นหน้าที่ของคนที่จะมาทำหน้าที่ตรงนี้ต่อไป รวมทั้งคณะรัฐมนตรี (ครม.) ใหม่ด้วย ซึ่งผมก็ขออำนวยอวยพรให้ทุกๆ ท่าน ที่จะมาทำงานตรงนี้” นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่าที่นายกฯ บอกว่าเสียใจ ต่อคำตัดสินที่ระบุว่าขาดจริยธรรม นายเศรษฐา กล่าวว่า “เพราะผมมั่นใจว่า ผมเป็นคนมีจริยธรรม และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการที่ถูกร้องทำให้คำตัดสินออกมาเป็นอย่างนั้น ผมเสียใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าไม่เห็นด้วย ผมน้อมรับคำตัดสิน และบอกมาตลอดเวลา ไม่ได้มีการวิ่งเต้นอะไร และไม่เคยโทรศัพท์หาใคร เมื่อส่งเอกสารปิดคดีไปแล้วก็ถือว่าจบแล้ว”

“ผมไม่มีอะไรจะพูด ผมจะไปแล้ว มันอยู่ตรงนี้ไม่ได้ เพราะเขาไม่ให้อยู่แล้ว ยกเว้นแต่มีความปรารถนาดีกับนายกฯ คนต่อไป หรือแม้ในช่วงรองนายกฯ จะทำหน้าที่รักษาการนายกฯ ก็เชื่อว่าจะพยายามสืบสานเจตนารมณ์ โดยไม่ต้องพูดถึงนโยบายอะไร แต่นำพาประเทศไปสู่ความเจริญก้าวหน้า นี่คือความตั้งใจสูงสุดที่อยากจะให้เป็นไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม และหลังจากวันพรุ่งนี้ (15 ส.ค.) ยังไม่ทราบ และยังไม่ได้คิดว่าจะทำอะไร  เพราะไม่เคยคิดว่าจะหลุดหรือจะต้องทำอะไรต่อ การจะไปต่อมันง่าย เพราะแผนงานออกไปแล้วแต่ถ้าหลุดก็ต้องไปคิดดูก่อน” นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่าอนาคตทางการเมืองจะใช้ความรู้ความสามารถช่วยพรรคเพื่อไทยต่อหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า  ถนนมีสองทาง ขึ้นอยู่กับว่าเขาอยากจะให้ตนช่วยต่อหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเราอยากจะช่วยแต่เขาอยากจะได้คนรุ่นใหม่เข้ามาเปลี่ยนผ่าน ตนน้อมรับตรงนี้ไม่ได้คิดอะไร  แต่ยอมรับว่าก็เป็นห่วงปัญหาของประเทศทุกเรื่อง แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันจบสิ้นไปแล้ว ฉากนี้มันจบไปแล้ว เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้ตัดสินแล้ว

เมื่อถามว่า นายกฯ ได้มาถึงจุดสูงสุดของชีวิตในการเป็นนายกฯ นายเศรษฐา กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เคยคิดว่ามาถึงจุดสูงสุด หรือสูงสุด เพราะจุดสูงสุดของแต่ละคนแตกต่างกันไป  ตนไม่ได้คิดตรงนี้ เรามีโอกาสได้มาดูแลบ้านเมืองและมีส่วนในการผลักดันชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นก็ถือว่าเป็นเกียรติอันสูงสุดของตน 

เมื่อถามย้ำว่าจุดสูงสุดของนายกฯ คืออะไร นายเศรษฐา นิ่งไปสักครู่ก่อนกล่าวว่า  “เป็นลูกที่ดี” 

ผู้สื่อข่าวรายงาน ก่อนที่นายเศรษฐาจะยกมือไหว้ขอบคุณสื่อมวลชนถือเป็นการจบการเปิดใจของอดีตนายกฯ จากนั้นนายเศรษฐาได้เดินไปขึ้นรถยนต์ส่วนตัว ทะเบียน ศฐ 30 กรุงเทพมหานคร โดยมีบุคคลใกล้ชิดทั้ง นายจุลพันธ์ นายจักรพงษ์ นายสมคิด นายชัย  น.ส.นัทรียา เดินไปส่งที่รถยนต์ด้วยสีหน้าเศร้า พร้อมยกมือไหว้ก่อนที่นายเศรษฐาจะปิดประตูรถยนต์และเดินทางกลับออกไปจากทำเนียบรัฐบาลในเวลา 16.13 น.