จากกรณี คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ประชุมปรึกษาหารือและวินิจฉัยคดีที่ประธานวุฒิสภาส่งคำร้องของสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 40 คน ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5 ) หรือไม่ จากกรณีนายเศรษฐา ได้นำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่า นายพิชิต ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ เนื่องจากเคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือน ในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา สิ้นสุดลงได้
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยให้คู่กรณีฟัง โดยอนุญาตให้เฉพาะคู่กรณีและบุคคลที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยมอบหมายให้ นพ.พรหมมินทร์ เลิศสุรีเดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนไปรับฟังคำวินิจฉัย
ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า การแต่งตั้งนายพิชิต เป็นการกระทำฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ก็จะส่งผลให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ต้องสิ้นสุดลงเฉพาะตัว โดยผลที่ตามมา จะต้องมีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่และคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ซึ่งนายเศรษฐา จะไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่เป็นรักษาการนายกรัฐมนตรีได้ ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 168 แต่คณะรัฐมนตรี ยังสามารถรักษาการได้ จนกว่าจะมีคณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาปฏิบัติหน้าที่