สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากเมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ว่าชาวเมลเบิร์นจำนวนมากขับขี่สกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าบนทางเท้า, จอดรถไม่ถูกต้อง และทิ้งรถกระจัดกระจายไปทั่วเมือง จนก่อให้เกิดอันตรายจากการสะดุดล้ม

เมลเบิร์นเป็นเมืองใหญ่ล่าสุดของโลก ที่ประกาศยกเลิกบริการสกู๊ตเตอร์ให้เช่า ซึ่งสามารถวิ่งด้วยความเร็วสูงสุด 26 กม./ชม. ไม่นานหลังจากที่กรุงปารีส เมืองหลวงของฝรั่งเศส ประกาศห้ามรถประเภทดังกล่าวเมื่อเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา ขณะที่นายนิโคลัส รีส นายกเทศมนตรีเมืองเมลเบิร์นกล่าวว่า เขาดำเนินการตามการตัดสินใจของเทศบาลกรุงปารีส

เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา สมาชิกสภาเมืองเมลเบิร์นลงมติด้วยคะแนนเสียง 6 ต่อ 4 เพื่อห้ามใช้รถเหล่านี้โดยทันที โดยผู้ให้บริการ ได้แก่ ไลม์ และนิวรอน สั่งยกเลิกรถสกู๊ตเตอร์เหล่านี้ภายใน 30 วัน แม้ทั้งคู่จะเหลือสัญญาอีก 6 เดือน และได้ทำการรณรงค์อย่างหนักในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องให้ผู้ใช้รถยื่นคำร้องต่อสภา เนื่องจากบริษัทลงทุนอย่างหนักเพื่อปรับปรุงความปลอดภัยและกฎระเบียบในการใช้ ก่อนหน้านี้ นิวรอนมีแผนจะติดตั้งกล้องปัญญาประดิษฐ์ (เอไอ) เพื่อป้องกันการใช้งานในทางที่ผิด

โฆษกของบริษัทนิวรอนประณามคำตัดสินห้ามใช้สกู๊ตเตอร์ โดยระบุว่า พวกเขาได้หารือกับเจ้าหน้าที่ของเมือง ในการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ อาทิ การจำกัดการใช้ให้อยู่แค่บริเวณที่มีการจราจรไม่หนาแน่น หรือการจำกัดโซนการขับขี่ “คำตัดสินนี้ได้ก้าวข้ามการปฏิรูปที่รัฐบาลท้องถิ่นประกาศ” นายเจเดน ไบรอัน จากนิวรอน กล่าว “เป็นเรื่องแปลกที่เทคโนโลยีอี-สกู๊ตเตอร์กลายมาเป็นข้อเสนอในการแบน”

ตั้งแต่มีการเริ่มทดลองใช้เมื่อเดือน ก.พ. 2565 มีรถสกู๊ตเตอร์จากไลม์ และนิวรอนกว่า 1,500 คันให้บริการทั่วเมือง ก่อนหน้านี้ สภาเมืองเมลเบิร์นเคยรายงานว่า รถเหล่านี้ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนมากกว่า 400 ตันและส่งเสริมระบบขนส่งสาธารณะ

ในทางกลับกับ โครงการดังกล่าวมีข้อบกพร่องเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2565 โรงพยาบาลรอยัล เมลเบิร์น ได้เปิดเผยว่า มีผู้ขับขี่รถสกู๊ตเตอร์เกือบ 250 คนเข้ารับการรักษาในแผนกฉุกเฉินจากอุบัติเหตุต่าง ๆ อาทิ ขับขี่ขณะมึนเมา, ขับรถเร็วเกินกำหนด และไม่สวมหมวกกันน็อก โฆษกของโรงพยาบาลให้ข้อมูลว่า อุบัติเหตุที่เกิดจากสกู๊ตเตอร์ได้ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต และสมองได้รับความเสียหาย และผู้ที่ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่มีอายุน้อย.

เครดิตภาพ : AFP