สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 14 ส.ค. ว่า กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐยื่นหนังสือต่อสภาคองเกรส เกี่ยวกับการเตรียมขายอาวุธให้แก่อิสราเอล รวมมูลค่าประมาณ 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 697,740 ล้านบาท)

ทั้งนี้ ข้อตกลงซื้อขายดังกล่าว รวมถึงการที่สหรัฐจะขายเครื่องบินขับไล่เอฟ-15 ให้แก่อิสราเอล จำนวน 50 ลำ เป็นมูลค่ารวมประมาณ 18,820 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 657,702.54 ล้านบาท) โดยจะเริ่มได้รับมอบตั้งแต่ปี 2572

ขณะเดียวกัน อิสราเอลตกลงซื้อกระสุนรถถังจากสหรัฐอีกเกือบ 33,000 นัด กระสุนปืนใหญ่เพิ่มเติมสูงสุด 50,000 นัด และยานพาหนะคาร์โกทางทหารรุ่นใหม่อีกหลายคัน


แม้สภาคองเกรสมีอำนาจในการห้ามการขาย หรือชะลอระยะเวลาออกไปก่อน แต่กรณีเหล่านั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้น ในการที่รัฐบาลสหรัฐไม่ว่าในยุคใดก็ตาม ต้องการขายอาวุธให้แก่อิสราเอล


อย่างไรก็ตาม ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของรัฐบาลอวอชิงตัน เกิดขึ้นขณะที่สงครามในฉนวนกาซายืดเยื้อเข้าสู่เดือนที่ 10 และการสู้รบระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ยังห่างไกลจากแนวโน้มคลี่คลาย ท่ามกลางเสียงเรียกร้องจากนานาประเทศ ให้อิสราเอลและกลุ่มฮามาส เร่งบรรลุข้อตกลงหยุดยิง เพื่อการเป็นอิสรภาพของตัวประกันอีกประมาณ 111 คน แต่ข้อมูลข่าวกรองของอิสราเอลระบุว่า ตัวประกันในจำนวนนี้อย่างน้อย 39 ราย น่าจะเสียชีวิตไปแล้ว.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES