สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ว่าสหภาพผู้ประกอบการโรงแรมญี่ปุ่นเผยแพร่รายงานว่า โรงแรมหลายแห่งในประเทศได้รับแจ้งการยกเลิกสำรองห้องพัก “รวมกันจำนวนมาก” สำหรับช่วงเวลาระหว่างวันที่ 9-18 ส.ค. คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียรายได้ประมาณ 140 ล้านเยน (ราว 33.35 ล้านบาท)


หนึ่งในพื้นที่ซึ่งนักท่องเที่ยวยกเลิกการสำรองห้องพักมากที่สุด คือเมืองโคจิ ซึ่งเป็นเมืองเอกของจังหวัดโคจิ ตั้งอยู่บนเกาะชิโกกุ ทางตอนใต้ของญี่ปุ่น


ความเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้น หลังสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (เจเอ็มเอ) ออกประกาศเตือนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เกี่ยวกับความเสี่ยงของการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในประเทศ “ในระดับสูงกว่าปกติ” โดยเป็นการวิเคราะห์สถานการณ์ภายใต้ระบบใหม่ ซึ่งได้รับการปรับปรุงหลังแผ่นดินไหวรุนแรง 9.0 แมกนิจูด เมื่อปี 2554 ที่ตามด้วยสึนามิขนาดยักษ์ และภัยพิบัตินิวเคลียร์เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้าฟุกุชิมะ


ทั้งนี้ พื้นที่เสี่ยงตามการวิเคราะห์ของเจเอ็มเอ คือ บริเวณที่เรียกว่า แอ่งนันไก หรือ แอ่งนันไค เป็นร่องน้ำลึกรูปในเขตทะเลทางใต้ของญี่ปุ่น​ ครอบคลุมหลายจังหวัดของภูมิภาค​ชิโกกุ โดยรอยเลื่อนบริเวณนี้มีความยาวมากกว่า 800 กิโลเมตร


แม้เนื้อหาในรายงานฉบับดังกล่าวเตือนว่า “แนวโน้มการเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่มีมากขึ้นกว่าปกติ” แต่เจเอ็มเอเน้นย้ำ ว่าไม่ได้หมายความว่า “แผ่นดินไหวรุนแรงจะต้องเกิดขึ้นในท้ายที่สุด”


อนึ่ง ภูมิภาคคิวชู ที่อยู่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นเช่นกัน เผชิญกับแผ่นดินไหวรุนแรง 7.1 แมกนิจูด เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ที่ผ่านมา ส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 15 คน.

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES