สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 13 ส.ค. ว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนทางตะวันตก ที่กองทัพยูเครนปฏิบัติการบุกข้ามพรมแดน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าหนึ่งในเป้าหมายของศัตรู คือการสร้างความบาดหมาง การทำลายความเป็นเอกภาพ และการกัดกร่อนสังคมรัสเซีย พร้อมทั้งกำชับให้ทหารและหน่วยงานความมั่นคงทุกแห่ง ร่วมกันขับไล่ศัตรูให้ออกไปจากแผ่นดินของรัสเซีย


อย่างไรก็ตาม ประชาชนในภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ซึ่งเป็นจุดที่กองทัพยูเครนเปิดฉากปฏิบัติการ ต้องอพยพออกจากพื้นที่แล้วมากกว่า 121,000 คน ขณะที่มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกมากกว่า 120 คน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประชุมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ทั้งทหารและพลเรือน เกี่ยวกับการรุกคืบพรมแดนของกองทัพยูเครน


ด้านทางการภูมิภาคเคิร์สก์ รายงานว่า ทหารยูเครนยึดครองเมืองและหมู่บ้านรวมอย่างน้อย 28 แห่ง และแนวรบที่เกิดขึ้นมีความยาวเป็นระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตร ส่วนทางการภูมิภาคเบลโกรอด ทางตะวันตกของรัสเซีย อพยพประชาชนมากกว่า 11,000 คน เนื่องจาก “พฤติกรรมของศัตรู” ที่กำลังเกิดขึ้นตามแนวชายแดน


ทั้งนี้ ภูมิภาคเบลโกรอดตั้งอยู่ติดกับภูมิภาคเคิร์สก์ ซึ่งเป็นจุดที่กองทัพยูเครนเปิดฉากปฏิบัติการโจมตีภาคพื้นดินข้ามพรมแดน


ขณะที่ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน กล่าวว่า ปฏิบัติการทางทหารครั้งนี้ “เป็นเรื่องของความมั่นคงเท่านั้น” และตอนนี้รัสเซียกำลังเผชิญกับการโจมตี “แบบเดียวกับที่โจมตีประเทศอื่น”

ส่วน พล.อ.โอเล็กซานเดอร์ ซีร์สกี ผู้บัญชาการกองทัพยูเครน กล่าวว่า ตอนนี้สามารถควบคุมดินแดนของรัสเซียได้อย่างน้อย 1,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งถือว่า มากที่สุดนับตั้งแต่สงครามเปิดฉาก เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565


สำหรับปฏิบัติการทางทหารของยูเครนครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังกองทัพรัสเซียปฏิบัติการภาคพื้นดิน ที่ภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน เมื่อเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงภูมิภาคซูมีที่อยู่ใกล้กัน ซึ่งซูมีเป็นภูมิภาคที่ยูเครนใช้เป็นฐานเปิดฉากทางทหารข้ามพรมแดนครั้งนี้ ตามข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงรัสเซีย.

เครดิตภาพ : AFP