เมื่อวันที่ 12 ส.ค.นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหารพรรคประชาชน กล่าวว่า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม หัวหน้าพรรคไทยภักดี ยืนยันจะเดินหน้ายื่น กกต. ตรวจสอบการตั้งสาขาพรรคถิ่นกาขาว ก่อนเปลี่ยนชื่อเป็นพรรคประชาชน ย้อนหลังไปจนถึงวันที่กฎหมายพรรคการเมืองมีผลบังคับเมื่อปี 2560 ว่ามีสาขาพรรคต่อเนื่องตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ ว่า ถือเป็นสิทธิ์ของ นพ.วรงค์ ที่จะมีกระบวนการในแง่ของการตรวจสอบ แต่อย่างที่หลายคนในพรรคได้ชี้แจงไปแล้วว่า จริงๆ โดยกระบวนการเราเองก็ทราบดีอยู่ว่าไม่มีข้อเท็จจริงหรือเป็นประเด็นตามที่ นพ.วรงค์พูดแต่ประการใด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในความเป็นพรรคการเมือง สาขาพรรค และองค์ประกอบต่างๆ ของพรรคการเมือง ตอนที่เป็นพรรคถิ่นกาขาว ก่อนจะที่จะย้ายมาเป็นพรรคประชาชน เราเองก็ได้มีการตรวจสอบเรื่องนี้อยู่แล้ว ยืนยันว่ามีสาขาพรรคต่อเนื่องมาตลอดต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2560
“ไม่มีประเด็นอะไรที่น่าห่วง น่ากังวล แต่ถือเป็นสิทธิ์และเป็นความชอบธรรมที่จะยื่นให้มีการตรวจสอบ ซึ่งเข้าใจว่าไม่ต้องรอทางเรา กกต.ก็คงจะตอบได้ ว่าเรื่องนี้มีความชัดเจนถูกต้อง ครบถ้วน สมบูรณ์มาตลอด” นายณัฐวุฒิกล่าว
เมื่อถามว่ามองกระบวนการที่นพ.วรงค์พยายามยื่นตรวจสอบเพื่อให้นำไปสู่การยุบพรรคประชาชนอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า รอบนี้คงไม่ใช่เป็นประเด็นในเรื่องการยุบพรรค แต่คงเป็นประเด็นเรื่องตรวจสอบองค์ประกอบของความเป็นพรรค ตนคงไม่ก้าวล่วงที่จะไปบอกว่า ท่านคิดอะไรอยู่ เพราะเราก็ไม่รู้เจตนาภายในของ นพ.วรงค์ แต่คิดว่าในความเป็นจริง เราก็รู้ว่าในภาพใหญ่กระบวนการยุบพรรคการเมือง มันไม่ควรจะเกิดขึ้น และควรจะมาทบทวนร่วมกันมากกว่าว่าเหตุในการยุบพรรคการเมืองซึ่งอยู่ในกฎหมายลูก ไม่ได้อยู่ในรัฐธรรมนูญจะมีการปรับแก้ให้สมบูรณ์ในอนาคตอย่างไร เรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องที่ทุกพรรคการเมืองมาช่วยกันคิด ช่วยกันระดมความคิดเห็น มากกว่าจะมัวมานั่งจับผิดกันในเชิงรายละเอียด
เมื่อถามถึงกรณีการเสนอแคนดิเดตชิงตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตรองประธานสภาฯ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคประชาชนยืนยันชัดเจนแล้วว่า เราจะมีการส่งชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ซึ่งเป็นความชอบธรรมในฐานะเป็นพรรคการเมืองอันดับหนึ่งในสภา และเราต้องการสานต่องานที่รองประธานสภาฯ ที่เคยอยู่ในสังกัดของพรรค ได้ทำไว้ด้วย ดังนั้นรอบนี้คงไม่ได้แค่การส่งในเชิงสัญลักษณ์ แต่เป็นการส่งเพื่อเข้าไปสานงานต่อจริงๆ อย่างไรก็ตามกระบวนการในการคัดเลือกว่าจะเป็นใคร ยังไม่แล้วเสร็จ คาดว่าในวันที่ 13 ส.ค. ซึ่งจะมีการประชุม สส.พรรคประชาชนประจำสัปดาห์ จะมีการหยิบยกชื่อขึ้นมาเสนอ และพิจารณาร่วมกันว่าจะส่งใครเข้าชิงตำแหน่งนี้ โดยจากที่ได้รับข้อมูลและประสานงานมาคาดว่าจะมีการเลือกรองประธานสภาฯ ในวันที่ 14 ส.ค.นี้ แต่ก็ยังไม่ได้มีความชัดเจนจากรัฐบาลแบบ 100 เปอร์เซ็นว่าจะเลือกในวันดังกล่าวจริงหรือไม่ แต่พวกเราก็เตรียมตัวเอาไว้
“ต้องเรียนว่าในส่วนของผมก็รู้สึกเสียดาย ว่าไม่สามารถลงชิงตำแหน่งรองประธานสภาฯ ได้ เพราะว่าติดเงื่อนไขการเป็นกรรมการบริหารพรรค ก็เสียดายนิดหนึ่ง เพราะว่าตอนแรกก็คิดว่ากรณีของ สส.อ่างทองด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแบบเขตหรือบัญชีรายชื่อ พี่น้องประชาชนก็จะได้เลือกถูกหรือเห็นความแตกต่างชัดเจนว่าควรจะสนับสนุนหรือเลือกใครอย่างไร แต่พอดีผมติดเงื่อนไขการเป็นกรรมการบริหารพรรคประชาชนก็คงไม่สามารถที่จะลงแข่งได้ ซึ่งโดยมารยาทต้องลาออกจากการเป็นกรรมหารบริหารพรรคก่อน แต่ขณะนี้เราเพิ่งตั้งกรรมการบริหารชุดใหม่ ดังนั้นก็คงไม่สามารถที่จะลงได้ ส่วนจะเป็นใครอย่างไร ในที่ประชุม สส.คงจะได้พิจารณาเรื่องนี้กัน”นายณัฐวุฒิกล่าว
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า ส่วนเงื่อนไขในการจะส่งใครลงชิงตำแหน่งนั้น เราไม่ได้พิจารณาเงื่อนไขเรื่องเพศ อายุ หรือเป็น สส.มาแล้วกี่สมัยอย่างไร เราจะพิจารณาว่าขอให้ตัวแทนของเราคนนั้น สามารถหยิบยกประเด็นที่เขาอยากจะทำในการทำให้สภาเป็นพื้นที่ที่พี่น้องประชาชนเข้าถึงได้ ทำให้สภาทันสมัยขึ้น และเป็นที่พึ่งของประชาชนดงวิสัยทัศน์ที่นายปดิพัทธ์เคยพูดไว้ ซึ่งเข้าใจว่ามีหลายคนเตรียมข้อมูลตรงนี้ไว้นำเสนอในที่ประชุม สส. แล้ว.