เมื่อวันที่ 11 ส.ค. ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจราคาดอกมะลิสดก่อนถึงเทศกาลวันแม่แห่งชาติ ที่ตลาดสดเทศบาล 1 เขตเทศบาลนครขอนแก่น ซึ่งพบว่าปีนี้แม่ค้าส่วนใหญ่หันมาใช้ดอกมะลิจากอินโดนีเซียแทนเนื่องจากดอกมะลิไทยมีราคาสูง อันมีผลมาจากผลผลิตปีนี้ออกน้อยเพราะฝนตกเยอะทำให้รากมะลิเน่าและดอกช้ำจึงไม่ได้ผลผลิตตามที่ตลาดต้องการ

นางหนูเรียน ชาภูวงษ์ อายุ 65 ปี แม่ค้าดอกไม้สด กล่าวว่า ปีนี้ดอกมะลิไม่ค่อยออกดอกเพราะว่าฝนที่ตกลงมาอย่างต่อเนื่องทำให้ออกดอกน้อยลง บางต้นถึงกับตาย ทำให้วันแม่ปีนี้ต้องสั่งดอกมะลิจากอินโดนีเซียมาใช้แทนเพราะว่าราคาถูกกว่าของไทย

“ดอกมะลิไทยปีนี้ราคา กก.ละ 1,500 บาท ขณะที่ของอินโดนีเซีย กก.ละ 1,000 บาท และอีกอย่างดอกมะลิไทยนั้นหาของยากจึงต้องสั่งของนอกมาใช้ อย่างเมื่อวานสั่งมาถุงละครึ่ง กก. อยู่ที่ 400 บาท เมื่อเช้าสั่งมาถุงละครึ่ง กก. ราคาขยับมาที่ 500 บาท ซึ่งราคาดีดตัวขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเพราะใกล้วันแม่ อย่างไรก็ตาม ปีที่ผ่านมาช่วงนี้จะมีลูกค้ามาสั่งบางแล้ว แต่ปีนี้ยังเงียบอาจจะเพราะเศรษฐกิจปีนี้ยังไม่ดีขึ้น” นางหนูเรียน กล่าว

ขณะที่ นางแพงศรี ภูคำไพ อายุ 62 ปี เจ้าของร้านเจ๊รุ่งดอกไม้สด ตลาดสดเทศบาล 1 ขอนแก่น กล่าวว่า ปีนี้ราคาดอกมะลิไทยแพงมาก ต้องหันไปสั่งดอกมะลิจากประเทศอินโดนีเซียเช่นกัน ซึ่งราคาอยู่ที่ กก.ละ 1,000 บาท เพราะถ้าสั่งของไทยจะต้องแบกต้นทุนมากกว่าและลูกค้ายังต้องการดอกมะลิเพราะเป็นวันแม่

“ราคาขายพวงมาลัยดอกพุดเริ่มต้นพวงละ 100 บาท ดอกมะลิเริ่มต้น 150 บาท แต่ก็ยอมรับว่าบรรยากาศการซื้อขายปีนี้ถือว่าเงียบเหงามาก สิ่งของทุกอย่างแพงขึ้น เศรษฐกิจไม่ดี คนไม่มีเงินใช้จ่าย แต่ร้านก็สั่งมาให้เพียงพอต่อยอดจองในแต่ละวันเพื่อให้บริการลูกค้าในระยะนี้” นางแพงศรี กล่าว