กระแสของพรรคประชาชนมาแรงมาก และดูจากโซเชียลมีเดีย เป็นที่สะใจของหลายๆ คน ที่พรรคก้าวไกลเดินหน้าต่อทันทีที่ถูกยุบพรรค ไม่เหลือเวลาให้เจรจาดูดงูเห่า ซึ่งถ้าใครจะไป มีโอกาสหมดที่ยืนทางการเมืองแบบงูเห่าอนาคตใหม่สูง ความแรงของพรรคเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 ส.ค. ที่มีการบริจาคเงินเข้าพรรคนับสิบล้าน และสมาชิกร่วมหมื่น และวันที่ 10 ส.ค. ก็มีการจัดงานรับสมัครสมาชิกพรรคที่สเตเดียมวัน ถนนบรรทัดทอง กรุงเทพฯ ทางพรรคนำจอโปรเจกเตอร์เชื่อมต่อข้อมูล อัปเดตยอดเงินบริจาค รวมถึงยอดสมาชิกแบบเรียลไทม์แสดงตรงกลางจุดรับสมัคร รวมถึงจัดจำหน่ายเสื้อยืดสีดำที่สกรีนข้อความว่า “ยักไหล่แล้วไปต่อ”
น.ส.พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงความรู้สึกที่มีผู้มาสมัครเป็นจำนวนมากว่า รู้สึกสวยและขอให้พวกที่ตัดสินพรรคก้าวไกล ดูยอดสมัครสมาชิกและยอดบริจาค แต่ก็ไม่อยากเอ่ยถึงเพราะเป็นเสนียด นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคประชาชน ได้ขอบคุณประชาชนที่ยอดบริจาคทะลุ 16 ล้านแล้ว และยอดสมาชิกจำนวน 2.8 หมื่นคน เป็นการแสดงให้เห็นว่าพรรคประชาชนเป็นของประชาชน เพื่อประชาชนจริงๆ เป้าหมายการเลือกตั้งปี 2570 คือเราอยากสร้างรัฐบาลที่สร้างการเปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ สนามการทำงานในนามพรรคประชาชนสนามแรก คือช่วยหาเสียงเลือกนายก อบจ.ราชบุรี พรรคส่งนายชัยรัตน์ ศักดิ์อิสระพงศ์ ลงในนามพรรคประชาชน คู่แข่งคือนายวิวัฒน์ นิติกาญจนา อดีตนายก อบจ.ราชบุรี สำหรับการส่งคนลงเลือกตั้งซ่อม สส.พิษณุโลก แทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีต สส.พิษณุโลก พรรคเป็นธรรม จะส่งนายณฐชนน ชนะบูรณาศักดิ์ หรือ “โฟล์ค” ลงสมัคร สส.พิษณุโลก เขต 1 ในนามพรรคประชาชน นายณฐชนน ทำงานกับพรรคมาตั้งเเต่สมัยอนาคตใหม่ และก้าวไกล โดยทำงานใกล้ชิดกับนายปดิพัทธ์ นายณฐชนน ถือเป็นผู้สมัคร สส.คนแรกที่พรรคประชาชนจะส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง สส.
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับตำแหน่งรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ยังต้องรอความชัดเจนจากที่ประชุม สส.พรรค คาดว่าเราจะมีการส่งชื่อแคนดิเดตลงชิง เพื่อยืนยันว่า ในฐานะที่เรามี สส. ในสภามาที่สุด ก็ควรจะมีสิทธิลงชิงตำแหน่งด้วย และหารือว่า สส. ของพรรคประชาชนลดลง และจะส่งอย่างไรต่อเก้าอี้ประธาน กมธ. บ้าง ส่วนตำแหน่งวิปฝ่ายค้าน ยังสามารถทำหน้าที่ได้ตามเดิม
นายธนพร ศรียากูล ผู้อํานวยการสถาบันการเมือง สถาบันพระปกเกล้า ตั้งข้อสังเกตว่า การตั้งนายศรายุทธ ใจหลัก เพื่อนสนิทของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่นั้น ต้องจัดวางความสัมพันธ์กันให้ดี มิฉะนั้นอาจจะถูกร้องเรียนได้ ไม่อยากให้เกิดภาพที่พรรคประชาชนมีนายใหญ่หลายคน มีคณะโปลิตบูโรมาคอยชี้นำเหมือนกับพรรคการเมืองอื่น ๆ ที่พรรคประชาชนยืนหยัดแก้ไข ป.อาญา ม.112 เห็นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว หากว่าพรรคถอยเรื่องนี้ ก็คงเสียความเป็นตัวตน ส่วนเรื่อง 44 สส. ที่ยื่นแก้ไข ม.112 คิดว่าไม่รอดสักคนเดียว เพราะขั้วอำนาจเดิมที่ลงแรงมาขนาดนี้ก็คงไม่ยั้งมือ สส.แกนนำหลายคน ก็คงต้องไปต่อสู้ในชั้น ป.ป.ช.
“อ.จ๊ะ” ยังแสดงความเห็นว่า การปรับ ครม. ฟันธงว่า นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม และนายเกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย จะหลุดจากการเป็นรัฐมนตรี เพราะแกนนำคนอื่นลาออกจาก สส.บัญชีรายชื่อหมดแล้ว ยกเว้นนายสุทินและนายเกรียง จึงยืนยันได้ว่าพร้อมจะกลับไปทำงานที่สภาผู้แทนราษฎร
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ในฐานะผู้ประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล ได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล เลขาธิการพรรค ประชุมในช่วงเย็นวันที่ 12 ส.ค. นี้ ไม่ใช่การส่งรายชื่อปรับ ครม. เป็นเพียงเรื่องการประสานงานพูดคุยกันเฉพาะหัวหน้าพรรคและผู้แทนพรรคเท่านั้น ไม่ได้คุยว่า เก้าอี้รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 จะเป็นโควตาของเพื่อไทยหรือภูมิใจไทย คงจะมีการหารือกันก่อนถึงวันเลือก ซึ่งไม่แน่ใจว่าวันที่ 14 ส.ค. นี้ หรือไม่
สำหรับการที่ศาลรัฐธรรมนูญจะอ่านคำวินิจฉัยกรณีนายเศรษฐา ทวีสิน นายกฯ แต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รัฐบาลไม่ได้เตรียมอะไร อย่างที่นายกฯ เคยกล่าวว่าต้องปล่อยให้ศาลรัฐธรรมนูญได้ทำงานอย่างอิสระ ตัดสินออกมาเป็นอย่างไร เราค่อยดูสถานการณ์ตอนนั้นว่าควรจะปรับปรุงแก้ไข เปลี่ยนแปลงอย่างไร ส่วนที่พรรคประชาชนเปิดตัว มีผู้บริจาคเงินสนับสนุนและสมัครสมาชิกพรรคจำนวนมาก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า กระแสจะดีหรือไม่ต้องดูที่การทำงานของแต่ละคนในแต่ละพื้นที่ ที่โซเชียลฯ ตอบรับนั้น เป็นแค่ส่วนหนึ่ง ยังไม่ใช่สิ่งสำคัญ ประเด็นคือการทำงาน กระแสประชาชนสนับสนุนไม่ส่งผลสั่นคลอนกับพรรคเพื่อไทย เพราะต้องมองไปอีกยาว ขึ้นอยู่กับบทบาทการทำงาน ยังมีเวลากว่าจะไปถึงการเลือกตั้งอีกครั้ง กลายเป็นสิ่งน่าสนใจว่า “ระหว่างทาง” ก่อนการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยจะสร้างคะแนนนิยมอย่างไร เมื่อกระแสทั้งความชื่นชอบและความเห็นใจเทไปพรรคประชาชน บวกกับกระแสต้องการความเปลี่ยนแปลง และพรรคเพื่อไทยเองก็ “เสียราคา” ไปเยอะ จากกรณีพลิกลิ้นจับขั้วรัฐบาล เงินดิจิทัลไม่เป็นไปตามสัญญาที่ “เป็นรัฐบาลแล้วทำทันที” อีกทั้งภาพกรณี “ชั้น 14” ก็ทำลายความชอบธรรมของพรรคไประดับหนึ่ง
“ทีมข่าวการเมือง”