เมื่อวันที่ 10 ส.ค. 67 นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันนี้ได้ส่งหนังสือทางไปรษณีย์ EMS ขอให้นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ส่งความเห็นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า ร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. …. จำนวน 1.22 แสนล้านบาท ที่ผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 67 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 ประกอบมาตรา 3 มาตรา 4 มาตรา 5 หรือไม่ 

นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ตั้งข้อสังเกตว่าร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ไม่สอดคล้องกับมติ ครม. เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 67 ทำไมจึงระบุเป็นการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย เพื่อสำรองไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการรองรับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นโดยมิได้คาดหมายสำหรับกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็น และบริหารหนี้ภาครัฐ อีกทั้งทำไมร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว ที่สำรองไว้ จึงมีคำขอของหน่วยรับงบประมาณ ซึ่งมีวัตถุประสงค์ และรายละเอียดคำของบประมาณไว้แล้ว ซึ่งถ้ามีคำของบประมาณแล้ว เหตุใดไม่ตั้งงบประมาณไว้ตามหน่วยรับงบประมาณโดยตรง

 “การกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไข ให้เฉพาะบุคคลที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 70,000 บาท และมีเงินฝากไม่เกิน 500,000 บาท นั้น จึงเป็นการจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของประชาชนผู้ใดที่มีอายุไม่ถึง 16 ปี หรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของประชาชนผู้ใดที่มีรายได้เกินเดือนละ 70,000 บาท หรือจำกัดสิทธิหรือเสรีภาพของประชาชนผู้ใดที่มีเงินฝากเกิน 500,000 บาท ใช่หรือไม่ ร่าง พ.ร.บ.ดังกล่าว จึงตราขึ้นโดยขัดต่อหลักนิติธรรม ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 3 ทำให้ปวงชนชาวไทยไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 4 ทำให้บุคคลไม่เสมอกันในกฎหมาย มีสิทธิและเสรีภาพและได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายไม่เท่าเทียมกัน มีการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมต่อบุคคล ด้วยเหตุความแตกต่างในเรื่อง อายุ สถานะของบุคคล ฐานะทางเศรษฐกิจ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 27 และร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติมประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 พ.ศ. …. มาตรา 4 ดังกล่าว เป็นอันใช้บังคับมิได้ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 ใช่หรือไม่” นายเรืองไกร กล่าว.