จับตาความเคลื่อนไหวของ “พรรคประชาชน (ปชช.)” ที่สืบสานอุดมการณ์ของ “พรรคก้าวไกล(ก.ก.)” ที่ต้องถูกยุบพรรคไป รีบเดินหน้าทางการเมืองทันที หลังต้องเผชิญวิบากกรรม ที่น่าสนใจ คือ ภายหลังการเปิดตัวพรรคใหม่ มี อดีต สส. พรรค ก.ก. ทั้ง 143 คน มาสมัครเป็นสมาชิกอย่างพร้อมเพียง เพราะก่อนหน้านี้ มีข่าวจะมีบางพรรคการเมือง ดึง สส.พรรคสีส้ม ไปร่วมงานด้วย เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองทางการมือง แต่ในที่สุดก็ไม่มีปรากฎการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น

ที่น่าสนใจ คือ คำประกาศอุดมการณ์ทางการเมืองของพรรคตอนหนึ่งระบุว่า คือ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ พรรคประชาชนยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นิติรัฐ ศักดิ์ศรี ความเป็นมนุษย์ สิทธิมนุษยชน ความเสมอภาคทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม การกระจายอํานาจทางปกครอง ความหลากหลายทางเพศ ความหลากหลายทางวัฒนธรรม ระบบเศรษฐกิจเสรี…

อย่าลืมที่ผ่านมา หลายคนกังวลในแนวทางการขับเคลื่อนของพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) ต่อเนื่องมามาถึงพรรค ก.ก. ซึ่งหลายเรื่องอาจจะขัดแย้งกับแนวทางในอดีต โดยเฉพาะประเด็นที่สร้างปัญหาให้กับพรรคสีส้มตลอด คือ การแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งมีไว้เพื่อปกป้องและคุ้มครองสถาบัน พรรค ปชช. จะยังเดินหน้าแก้กฎหมายอาญามาตรา 112 ต่อหรือไม่

ภายหลังที่ประชุม สส.อดีตพรรค ก.ก. ที่ร่วมประชุมกับพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เพื่อเปลี่ยนชื่อพรรคเป็น “พรรคปชช.” และแต่งตั้งหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ใหม่ โดย “นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” สส.บัญชีรายชื่อ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ นายศรายุทธ ใจหลัก เป็นเลขาธิการพรรคคนใหม่ นั้น มีมติแต่งตั้ง กก.บห. 5 คน ได้แก่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ นายศรายุทธ ใจหลัก น.ส.ชุติมา คชพันธุ์ เป็นเหรัญญิกพรรค นายณัฐวุฒิ บัวประทุม เป็นนายทะเบียนพรรค นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ เป็น ก.ก.บห.

ขณะที่ “นายณัฐพงษ์” ประกาศว่า จะสื่อสารถึงประชาชนอย่างตรงไปตรงมาว่า ภารกิจของเราต่อจากนี้ จะสร้างรัฐบาลแห่งการเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งปี 2570 สำคัญที่สุดเราจำเป็นต้องชนะการเลือกตั้งครั้งหน้า เราต้องตั้งเป้าหมายให้สูงยิ่งขึ้น นอกจากการเป็นพรรคอันดับ 1 ในการเลือกตั้งปี 2566 ต่อไปคือการชนะเลือกตั้งเป็นรัฐบาลพรรคเดียวได้ นี่คือเป้าหมายสูงสุดของพวกเรา

แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้น เมื่อสื่อตั้งคำถามว่า กรณีการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 หลังจากนี้จะลดเพดานลงหรือไม่ นายณัฐพงษ์ กล่าวตอบว่า เราไม่เคยสื่อสารว่าลดเพดานอะไร เรายืนยันว่าเราเสนอร่างแก้ไขกฎหมาย มาตรา 112 เพื่อไม่ให้มีการกลั่นแกล้งพรรคฝั่งตรงข้าม และคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) ไม่ได้สั่งห้ามแก้ไข แน่นอนว่าเราไม่ประมาท เราทำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมา จนยุบพรรคก.ก. เราต้องศึกษาอย่างดี แต่คิดว่าพวกเราต้องผลักดันเดินหน้าการปรับปรุงแก้ไขกฎหมาย โดยเฉพาะในส่วนนี้ที่ปัจจุบันยังมีปัญหาอยู่

“การที่บอกว่าเจรจาบนโต๊ะ ในส่วนการทำหน้าที่ในส่วนนี้ หรือพรรคก.ก. ถูกคำสั่งยุบพรรค จะทำให้การทำงานของเราเปลี่ยนไปหรือไม่ คิดว่าวิธีการปฏิบัติ เราไม่ประมาท เราต้องกลับมาทบทวนเรียนรู้ในส่วนคำตัดสินศาล และประเด็นกฎหมายต่างๆ แต่สิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปคือหลักการและความเชื่อ เราต้องการทำให้อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” นายณัฐพงษ์ กล่าว

นั่นหมายความว่า พรรคปชช. ยังเดินหน้าที่จะแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 โดยยืนยันสิ่งที่ไม่เปลี่ยนคือ หลักการและความเชื่อ จากนี้ต้องรอดูว่า ขั้นตอนในการแก้ไขจะดำเนินการอย่างไร แม้ศาลรธน.จะไม่ห้าม แต่เนื้อหาในการแก้ ถ้าหากเป็นการลดโทษ ย้ายออกจากหมวดมั่นคง คงต้องเจอต่อต้านจากกลุ่มอนุรักษ์นิยม และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย และหากผลักดันเข้าสู่กระบวนการนิติบัญญัติ เชื่อว่าต้องมีคนไปร้องให้องค์กรอิสระตรวจสอบ นั่นหมายความว่า กระบวนการเดินหน้าแก้ไขเรื่องนี้ ก็จะกลายเป็นระเบิดเวลา ที่ทำให้ “พรรคปชช.” ต้องมาลุ้นกับชะตากรรมของตนเองอีก

หลังจากพรรคปชช. เปิดตัว หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค กก.บห.ชุดใหม่ ซึ่งเป็นการรองรับสมาชิก สส.จากพรรคก.ก. ในวันที่ 9 ส.ค. และต่อเนื่องในวันที่ 10 ส.ค. พรรคปชช. จะจัดกิจกรรม รับสมัครสมาชิกพรรคใหม่เป็นครั้งแรก พร้อมพบปะ สส. สก. และผู้บริหารพรรคชุดใหม่ที่ใจกลางเมืองสยาม-สเตเดียมวัน

ขณะเดียวกันในพื้นที่สส.เขต ก.ก. ในบางจังหวัด เตรียมจัดกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวเช่นกัน โดยเฉพาะในจังหวัดชลบุรี วันที่ 10 ส.ค. ตั้งแต่เวลา 09.00 น. สส.เขต แต่ละคน จะขึ้นรถปราศรัย ตระเวนไปพื้นที่ต่างๆ ในเขตเลือกตั้งของตัวเองเพื่อ 1. ชี้แจงประชาชน ถึงการยุบพรรคก.ก. และการดำเนินกิจกรรมการเมืองต่อในนามพรรคปชช. 2. ชี้แจงแนวทาง พรรคปชช. ยังมีจุดยืน สืบสานอุดมการณ์ทางการเมือง เหมือนกับพรรคอนค. พรรคก.ก. 3. เชิญชวนให้ประชาชนมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่ม

ต้องดูว่าการปลุกกระแส ช่วยทำให้บรรดาด้อมส้มมีมากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่ เพราะถือเป็นเป้าหมายที่พรรคปชช. นำมาโชว์ให้สังคมได้เห็น ให้รู้ไม่ว่าเจอวิบากกรรมในรูปแบบอะไรก็ตาม กองเชียร์ก็ไม่หนีหาย

ส่วนตำแหน่ง “รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1” ซึ่งว่างลง หลัง “นายปดิพัทธ์ สันติภาดา” ต้องพ้นจากตำแหน่ง เพราะเคยเป็นกก.บห. พรรคก.ก. โดย “นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ” สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย(พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) ระบุว่า “วันที่ 14 ส.ค.นี้ ได้เลือกแน่นอน มีรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ขึ้นมาทำหน้าที่แน่นอน เพราะจะมีการเลือกในสัปดาห์หน้า จึงอยากให้อดใจรอ การเจรจาก็เป็นการพูดคุยของผู้นำของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค ซึ่งโดยมารยาทต้องปรึกษาหารือกันทุกพรรค”

ขณะที่ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.มหาดไทยในฐานะ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ที่ว่างลงว่า มีการติดต่อประสานงานกันระหว่างวิปรัฐบาล ซึ่งเป็นเรื่องของสภา ตนไม่ได้ไปก้าวก่าย โดยขออย่าใช้คำว่าจอง เพราะทุกอย่างเป็นไปตามกติกา เมื่อถามอีกว่าหากมติของวิปรัฐบาลหลีกทางให้ตำแหน่งดังกล่าวเป็นของพรรคภท. นายอนุทิน ย้อนถามกลับว่า ทำไมต้อง ใช้คำว่า หลีกทาง มันไม่เกี่ยวกับหลีกทาง ไม่ว่าจะถามอย่างไร ก็ต้องตอบว่าทุกอย่างเป็นไปตามกติกา ที่มีกันอยู่แล้ว การอยู่ร่วมกันมีกติกาอยู่ ใครที่แหกกติกาก็อยู่ร่วมกันไม่ได้

ซึ่งตามมารยาททางการเมือง และพรรคที่มีเสียงลำดับ 2 คือ “ภท.” ต้องได้สิทธิ์ในการรับตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่1 โดยมีรายงานข่าว พรรคภท.จะเสนอชื่อ “นายภราดร ปริศนานันทกุล” ส.ส.อ่างทอง เขต 1 พรรคภท. เป็นรองประธานสภาฯคนที่ 1

ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า มีชื่อ “นายโสภณ ซารัมย์” ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภท. เป็น 1 ในชื่อที่ได้รับการสนับสนุนให้เป็นผู้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวด้วย แต่เนื่องจากนายโสภณ ขอปฏิบัติภารกิจและผลักดันการพัฒนาการศึกษาเป็นหลัก จึงปฏิเสธที่จะรับตำแหน่ง

นั่นหมายความว่า คงจะได้เห็นหน้าตาบุคคล ที่จะมาดำรงตำแหน่งรองประธานสภาฯ คนที่ 1 ซึ่งถือว่า ทั้งประธานและรองประธานสภาฯ มาจากพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด

“ทีมข่าวการเมือง”