นายทวี กุลเลิศประเสริฐ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไนท คลับ แคปปิตอล โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ KCC ผู้ดำเนินธุรกิจจัดหาและบริหารจัดการสินทรัพย์ด้อยคุณภาพและธุรกิจบริหารจัดการทรัพย์สินรอการขายและการปรับปรุงทรัพย์สินรอการขายเพื่อจำหน่าย เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานของบริษัทไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 20 ล้านบาท หนุนให้งวดครึ่งแรกปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 39 ล้านบาท เป็นผลจากรายได้จากการดำเนินงานรวม โตขึ้นโดยไตรมาส 2 มีรายได้จากการดำเนินงานรวม 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากไตรมาสก่อนหน้า ส่วนงวดครึ่งปีมีรายได้ 92 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เทียบงวดเดียวกันกับปีก่อนที่มีรายได้ 86 ล้านบาท
ไตรมาส 2 ปี 2567 บริษัทมีเงินรับรวม 116 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจาก NPL คิดเป็นสัดส่วน 77% ของเงินรับทั้งหมด โดยสัดส่วนเงินรับจาก NPA เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากมียอดขาย NPA เพิ่มมากขึ้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพในการจัดเก็บหนี้ของบริษัทฯ ทั้ง NPL และ NPA โดย เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เงินรับรวมเพิ่มขึ้น 9% หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 10 ล้านบาท แม้ว่าในไตรมาสนี้ จะไม่มีเงินรับจากธุรกิจให้บริการบริหาร NPL แต่จะเห็นได้ว่ากลุ่มบริษัทมีเงินรับจากธุรกิจหลักของกลุ่มบริษัท คือ รับชำระหนี้ และขาย NPA ได้มากขึ้นในสัดส่วน 5% และ 238% ตามลำดับ เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เงินรับทั้งจาก NPL และ NPA เพิ่มขึ้นในอัตราที่ค่อนข้างสูง ทั้งจากการรับเงินจากการขายหลักประกันในกรมบังคับคดี รับเงินจากสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ รวมทั้งการขาย NPA
ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนหนี้ NPL ต่อเนื่อง เพื่อขยายพอร์ตลูกหนี้ NPLs ไตรมาส 2/2567 บริษัทฯ ลงทุนซื้อ NPL เพิ่มขึ้นจำนวน 412 ล้านบาท รวมครึ่งปีแรกของปี 2567 บริษัทฯ ลงทุนในพอร์ตใหม่แล้วทั้งสิ้น 463 ล้านบาท ทำให้ ณ มิถุนายน 2567 พอร์ตลูกหนี้ของบริษัทฯ ทะลุ 2,000 ล้านบาท
ด้านทิศทางครึ่งหลังของปี ยังคงเดินหน้าลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพให้ได้ตามเป้าหมาย โดยประเมินว่า ปีนี้ทั้งปีสถาบันการเงินจะนำหนี้ออกมาประมูลต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทก็มีความพร้อมในการเข้าประมูล เพราะได้มีการเตรียมสภาพคล่องไว้รองรับ ขณะเดียวกันการทรานฟอร์มเป็นโฮลดิ้ง คอมพานี ที่เสร็จสิ้นเรียบร้อยแล้ว จะทำให้บริษัทประมูลหนี้ได้ในขอบเขตที่กว้างขึ้น
นอกจากนี้ ล่าสุดคณะกรรมมีมติอนุมัติตั้งบริษัทย่อย ขึ้นมาโดย KCC ถือหุ้น 100% ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 นี้ เพื่อประกอบธุรกิจรับซื้อหรือรับโอนสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทขยายขอบเขตการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพให้มีความหลากหลายมากขึ้น