สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 8 ส.ค. ว่านายอเล็กซี สเมียร์นอฟ รักษาผู้ว่าการภูมิภาคเคิร์สก์ ทางตะวันตกของรัสเซีย ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา จากการรุกรานข้ามพรมแดนของทหารยูเครน “และโจมตีอย่างไม่เลือกหน้า” ตลอดระยะเวลา 36 ชั่วโมงก่อนหน้านั้น


จนถึงตอนนี้ ยังไม่มีการให้ความเห็นอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของยูเครน และยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับขอบเขตของความเสียหาย อีกทั้งยังไม่มีความชัดเจนด้วยว่า ทหารยูเครนพร้อมอาวุธยังคงอยู่ภายในดินแดนของรัสเซียหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 5 ราย มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 31 คน และต้องมีการอพยพประชาชนหลายพันคน


ขณะที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ประณามรัฐบาลเคียฟอยู่เบื้องหลังการโจมตี และการละเมิดพรมแดนที่เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง ในภาคตะวันตกของประเทศ ด้านกองทัพรัสเซียโจมตีตอบโต้ทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อขัดขวางการละเมิดพรมแดนของยูเครน


ด้านนายจอห์น เคอร์บีย์ โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ กล่าวว่า รัฐบาลวอชิงตันจับตาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิด และกำลังประสานงานอย่างใกล้ชิดกับยูเครน เพื่อหารือ “เกี่ยวกับเป้าหมายที่แท้จริง” ของรัฐบาลเคียฟ


ส่วนนายแมทธิว มิลเลอร์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ กล่าวว่า รัสเซีย “ตีโพยตีพายมากเกินไป” เมื่อเทียบกับการที่รัสเซียยึดครองดินแดนของยูเครน


อนึ่ง กองทัพรัสเซียปฏิบัติการภาคพื้นดิน ที่ภูมิภาคคาร์คิฟ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของยูเครน เมื่อเดือนพ.ค. ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงภูมิภาคซูมีที่อยู่ใกล้กัน โดยซูมีเป็นภูมิภาคซึ่งยูเครนใช้เป็นฐานเปิดฉากข้ามพรมแดนครั้งนี้ ตามข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงรัสเซีย.

เครดิตภาพ : AFP