เมื่อวันที่ 7 ส.ค. ที่ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ น.ส.ลลิตา พลลือหาญ อายุ 26 ปี พร้อมด้วยนายธติพงษ์ ควรชัย อายุ 27 ปี สามี และลูกชายวัย 2 ขวบ นำเอกสารเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.เมืองกาฬสินธุ์ หลังถูกมิจฉาชีพนำหลักฐานของตนไปเปิดบัญชีรับโอนเงิน โดยมีผู้เสียหายแจ้งอายัดบัญชีไว้ กระทั่ง พ.ต.อ.อิทธิเดช สุนทร ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ มอบหมาย พ.ต.ท.สมทรง เวียงปฏิ สว.(สอบสวน) ร่วมกับพนักงานสอบสวน รับแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

น.ส.ลลิตา กล่าวว่า ทุกวันนี้ตนกับสามี เป็นทุกข์ใจอย่างมาก เนื่องจากตนกำลังจะถูกตำรวจ สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี และอาจจะถูกตำรวจหลายท้องที่ ดำเนินคดีในข้อหาหลอกลวง เปิดบัญชีรับโอนเงินของธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ทั้งๆ ที่ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและขอยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ที่ผ่านมาไม่เคยรับจ้างโอน หรือไม่ได้ถูกหลอกให้เปิดบัญชีม้าแต่อย่างใด และที่ผ่านมาไม่เคยไปเปิดบัญชีใดๆ กับธนาคารแห่งนี้เลย แต่เรื่องที่เกิดขึ้นโดยมีชื่อตนเป็นเจ้าของบัญชีรับโอนเงินกับธนาคารดังกล่าว กระทั่งทราบว่ามีผู้เสียหายแจ้งความอายัด ส่งผลให้บัญชีเงินฝากอีก 2 ธนาคารของตนถูกอายัดด้วย ทำให้ตนงุนงงมากว่า เกิดเรื่องนี้ขึ้นอย่างไร ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ

“เนื่องจากตนไม่เคยไปเปิดบัญชีกับธนาคารแห่งนั้นเลยและรู้สึกกลัวความผิดมาก หากมิจฉาชีพเอาหลักฐานประจำตัวของตนไปเปิดบัญชีกับธนาคารดังกล่าว จึงได้รีบไปติดต่อกับธนาคาร ก่อนที่จะได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่า มีการเปิดบัญชีกับธนาคารแห่งนี้ทางออนไลน์ โดยไม่มีเอกสารหรือหลักฐานการเปิดบัญชีของตน ก็ยิ่งทำให้ตนสงสัยและตกใจมากขึ้น จึงได้ขอดูเอกสารการเดินบัญชีกับทางธนาคาร พบหลักฐานการเปิดบัญชีครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 67 จำนวน 0 บาท ต่อมามีรายการเงินโอนบัญชีเข้าหลายครั้ง ส่วนใหญ่ครั้งละ 10 บาท บางครั้ง 150 บาท สูงสุด 1,500 บาท มียอดหมุนเวียนในบัญชีกว่า 50,000 บาท โดยมียอดเงินในบัญชีจำนวน 29,700 บาท ก่อนที่บัญชีจะถูกอายัด” น.ส.ลลิตา กล่าว

น.ส.ลลิตา กล่าวต่อว่า พอเห็นหลักฐานดังกล่าวตนตกใจแทบช็อก ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับการเปิดบัญชีของธนาคารนี้และเงินที่โอนเข้าแต่ละครั้งมันก็เป็นเรื่องที่ผิดปกติมาก หากเป็นการเปิดบัญชีเงินฝากทั่วไปหรือบัญชีม้าตามที่เป็นข่าวบ่อยๆ จำนวนเงินโอนเข้าน่าจะมีจำนวนมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม ตนได้สอบถามเจ้าหน้าที่ธนาคารว่า ใครเป็นคนแจ้งอายัด ก็ได้รับคำตอบว่าแจ้งอายัดมาจากตำรวจ สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ด้วยความร้อนใจ กลัวความผิด ก็รีบค้นหาเบอร์โทรฯ ของ สภ.บ้านหมอ พอได้เบอร์เจ้าหน้าที่ตำรวจที่แจ้งอายัด ก็โทรศัพท์สอบถาม ทราบว่ามีผู้เสียหายถูกหลอกโอนเงินเข้าบัญชีนี้มาร้องทุกข์ จึงได้แจ้งความและขอให้อายัดบัญชี ตนจึงได้นัดหมายเดินทางไปแสดงตัวยืนยันความบริสุทธิ์ ว่าตนไม่มีส่วนรู้เห็นกับบัญชีดังกล่าว โดยเดินทางไป สภ.บ้านหมอ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา

น.ส.ลลิตา กล่าวในตอนท้ายว่า พอเดินทางไปพบตำรวจ สภ.บ้านหมอ จ.สระบุรี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนดังกล่าว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ตนติดต่อไว้ ซึ่งเป็นคนเดียวกับที่แจ้งอายัด ได้บอกกับตนว่า ให้หาเงินไปชดใช้ผู้เสียหายเรื่องก็จะได้จบ หากหาเงินมาไม่ทันวันที่ 9 ส.ค. นี้ ก็จะออกหมายเรียก มารับทราบข้อกล่าวหา และจะต้องถูกดำเนินคดี พอได้ยินประโยคนี้ทำให้ตนตกใจ แทบเป็นลม รู้สึกสับสน มึนงงไปหมด ตั้งใจเดินทางไปยืนยันความบริสุทธิ์ของตน ก็ไม่ต่างกับถูกแจ้งข้อกล่าวหาหนัก ความรู้สึกไม่ต่างกับถูกยัดเยียดข้อหา จึงได้เดินทางแจ้งความร้องทุกข์และขอความเป็นธรรมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ให้ช่วยติดต่อกับทางธนาคาร และตำรวจ สภ.บ้านหมอ ดำเนินการตรวจสอบเรื่องนี้ให้ละเอียดด้วย อย่าเพิ่งออกหมายเรียกและแจ้งข้อหาตนเลย เพราะตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้เปิดบัญชีกับธนาคารนี้จริงๆ ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ ที่นำหลักฐานประจำตัวของตนไปเปิดบัญชีไว้ ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเปิดบัญชีหลอกชาวบ้านโอนเงินแต่อย่างใด

ด้าน นายธติพงษ์ กล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้น ทุกคนในครอบครัวและญาติพี่น้องที่ทราบข่าว ต่างตกใจและมึนงงมาก ว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกวันได้แต่ร้อนใจและนั่งปรับทุกข์กัน เพราะกลัวความผิด เนื่องจากเป็นความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อ ทั้งนี้ขอยืนยันในความบริสุทธิ์ของภรรยาว่า ไม่เคยไปเปิดบัญชีดังกล่าว จึงมาแจ้งความขอความเป็นธรรมและขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทางธนาคารด้วย ให้ช่วยตรวจสอบให้แน่ชัด หาคนทำผิดตัวจริงมาลงโทษตามกฎหมาย

นายธติพงษ์ กล่าวอีกว่า ตนเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดา หาเช้ากินค่ำ ทำนาและรับจ้างทั่วไป ส่วนภรรยาก็กำลังเรียนเสริมสวย เพื่อที่จะช่วยกันหาเงินเลี้ยงลูก 2 คน คนโตอายุ 7 ขวบ และคนเล็ก 2 ขวบเศษ หากถูกดำเนินคดีทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ก็คงเป็นทุกข์มาก เพราะไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงได้มาแจ้งความแสดงความบริสุทธิ์ และวอนเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ช่วยประสานตำรวจ สภ.บ้านหมอ รวมทั้งทางธนาคาร ให้ช่วยตรวจสอบข้อเท็จจริงด้วย เพราะไม่อยากเห็นภรรยาเป็นแพะรับบาปให้กับมิจฉาชีพ

ขณะที่ พ.ต.ท.สมทรง เวียงปฏิ สว.(สอบสวน) สภ.เมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังรับแจ้งความ และสอบถาม น.ส.ลลิตา ที่ยืนยันว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าวแล้ว ในขั้นตอนต่อไปก็จะได้ประสานกับ สภ.บ้านหมอ เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป.