เมื่อเวลา 09.10 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) พิจารณาวินิจฉัยอุทธรณ์ร้องทุกข์ของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ว่า เป็นคำสั่งที่ดำเนินการตามหลักเกณฑ์วิธีการที่กฎหมายและกฎคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) กำหนดและเป็นการใช้ดุลพินิจที่เหมาะสม จึงเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ว่า ได้ยินข่าวว่ามีมติออกมาชัดเจนแล้ว กำลังคอยให้สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (สลน.) ประสานเรื่องมา ซึ่งถ้ามติออกมาเป็นอย่างไร ตนก็ต้องนำขึ้นทูลเกล้าฯ 

เมื่อถามว่า หาก พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ยื่นร้องต่อศาลปกครองคัดค้านคำวินิจฉัยจะต้องรอขั้นตอนนี้ด้วยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อันนั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เป็นสิทธิของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ ซึ่งเป็นไปตามที่พูดไว้ว่า ถ้า ก.พ.ค.ตร. มีมติออกมาอย่างไร ตนก็จะต้องดำเนินการตามนั้น

เมื่อถามต่อว่า พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ จะถูกตัดชื่อออกจากแคนดิเดต ผบ.ตร. หรือไม่ เพราะตอนนี้ใกล้จะมีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว นายกฯ กล่าวว่า ตนไม่อยากไปก้าวล่วงตรงนั้น เพราะต้องมีการรับเรื่องมาจากสำนักเลขาธิการนายกฯ ก่อนว่า ก.พ.ค.ตร. ตัดสินว่าอย่างไร หลังจากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ดังนั้น ไม่อยากจะก้าวล่วงขอให้เป็นขั้นเป็นตอนปกติไป

เมื่อถามว่า อย่างนี้จะทำให้คนที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ตร. ต้องเร่งทำผลงานหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าเรื่องผลงานต่างๆ มันอยู่ที่ใต้จิตสำนึกของรอง ผบ.ตร. ทุกท่านอยู่แล้ว ทุกคนไม่ได้ทำงานเพื่อหวังตำแหน่งเพียงอย่างเดียว แต่ทุกคนทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน ปัญหาต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของยาเสพติด คอลเซ็นเตอร์ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ทุกท่านให้ความสำคัญอยู่แล้ว เมื่อวันที่ 6 ส.ค. ตนเจอ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. ก็มีความกังวลอยู่หลายเรื่อง ตนก็มีการสั่งการไปหลายเรื่อง.