เมื่อวันที่ 6 ส.ค. กรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล ฐานล้มล้างการปกครองฯ ในวันที่ 7 ส.ค. นี้ หากเกิดกรณีเลวร้ายที่สุดคือศาลสั่งยุบพรรคก้าวไกล นอกจากพรรคก้าวไกลเตรียมความพร้อมในเรื่องการเตรียมพรรคสำรองเพื่ออพยพ สส. ไปพักชั่วคราวก่อน ก่อนเปลี่ยนชื่อพรรค โลโก้ และกรรมการบริหารพรรค จัดทำข้อบังคับพรรคใหม่ โดยที่ผ่านมามีการเจรจากับ 2-3 พรรคการเมือง ที่ยังมีความเคลื่อนไหวแอคทีฟเป็นพรรคการเมือง และมีรายชื่อในบัญชีของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) โดยพรรคถิ่นกาขาวชาววิไล เป็นพรรคแรกๆ ที่มีการเจรจา แต่ยังติดเงื่อนไขการต่อรองที่พรรคถิ่นกาขาวฯ อยากมีคนของตัวเองร่วมเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค หรือมีส่วนร่วมในพรรคที่จะเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วย

ในส่วนของหัวหน้าพรรคใหม่หากพรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคนั้น ขณะนี้เต็งจ๋าเบอร์หนึ่ง ยังคงเป็นแม่ทัพหญิง “ไหม” ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น มีชื่อ “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” สส.บัญชีรายชื่อ และ “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” และ “ศรายุทธิ์ ใจหลัก” ผอ.พรรคก้าวไกล ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และ “ชัยธวัช ตุลาธน” หัวหน้าพรรคก้าวไกล ขณะที่ตำแหน่งแกนนำรองหัวหน้า และกรรมการบริหารพรรค จะเป็นบุคคลที่เป็น สส.พรรคอนาคตใหม่หรือมีดีเอ็นเอแบบอนาคตใหม่มาแต่ตั้งพรรค หรือคนที่อยู่ในรายชื่อ 44 สส. เดิมที่มีคดี 112 ใน ป.ป.ช. โดยทั้งหมดต่างเป็นที่ยอมรับจาก สส.ใหม่ภายในพรรคด้วย เพราะเป้าหมายของพรรคก้าวไกล คือการขับเคลื่อนเชิงโครงสร้างที่ต้องเดินหน้าต่อ แม้ต้องต่อสู้นิติสงครามและการยุบพรรคที่อาจเกิดขึ้นได้เสมอ ขณะที่ สส.ใหม่ที่เพิ่งชนะเลือกตั้งครั้งล่าสุด อาจจะมีรายชื่อดูแลในภาคหรือพื้นที่ต่างๆ เช่น สัดส่วน กทม. ภาคเหนือ ภาคอีสาน ภาคใต้ เพื่อเชื่อมต่อการทำงาน และเตรียมพร้อมในการทำงานการเมืองต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ เงื่อนไขต่างๆ สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามบริบทการเมือง โดยเฉพาะเงื่อนไขสำคัญคือการนิรโทษกรรมคดีการเมือง ที่ฝ่ายการเมืองต่างๆ กำลังผลักดัน อย่างไรก็ตาม บริบทการเมืองอยู่ที่การเจรจา ถ้าเด็กเฮี้ยวยังหัวดื้อ การคัดกรองกลุ่มก็จะละเอียดกว่านี้ และยังมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่แกนนำยุคพรรคอนาคตใหม่ คือ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และปิยบุตร แสงกนกกุล จะพ้นโทษแบนการเมืองในปี 2573