นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคม ได้ประชุมหารือร่วมกับสภากรุงเทพมหานคร (สภา กทม.) ถึงการดำเนินนโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เพื่ออำนวยความสะดวกการเดินทาง และลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน รวมทั้งสนับสนุนให้หันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น รวมถึงช่วยลดปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ซึ่งทางสภา กทม. พร้อมสนับสนุนในทุกด้านอย่างเต็มที่ โดยขอให้กระทรวงคมนาคมเร่งดำเนินการนโยบายดังกล่าวให้ครอบคลุมในทุกเส้นทางโดยเร็วที่สุด ขณะเดียวกันสภา กทม. จะประชุมหารือถึงแผนงานต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป
นายพงศ์กวิน กล่าวต่อว่า ได้รับรายงานจากกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เบื้องต้นว่า ข้อมูลภาพรวมการเดินทางของผู้โดยสารรวมทั้ง 2 สาย คือ รถไฟชานเมืองสายสีแดง และรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วง ณ สิ้นเดือน มิ.ย. 67 มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นรวมกว่า 26% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 66 ถือว่านโยบายดังกล่าว ช่วยให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะมากขึ้น ขณะที่รายได้ของรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีม่วง ถึงแม้ว่าขณะนี้จะลดลงจากเดิม แต่คาดว่าภายในระยะ 2 ปี 8 เดือน จะกลับสู่ภาวะปกติ ก่อนที่จะเริ่มนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และจากจำนวนผู้ใช้บริการที่ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จะทำให้รายได้มีโอกาสกลับสู่ภาวะปกติเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้
นายพงศ์กวิน กล่าวอีกว่า ในส่วนของรถไฟฟ้าสายสีอื่นๆ ที่ยังไม่ได้เข้าร่วมนโยบายนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างเร่งจัดทำร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารจัดการระบบตั๋วร่วม พ.ศ. … โดยเสนอไปยังสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว ก่อนเสนอไปยังสำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกา (สคก.) พิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับดังกล่าว จากนั้นจึงจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาเห็นชอบ และเข้าสู่ขั้นตอนการพิจารณาของของสภาผู้แทนราษฎร และประกาศในราชกิจจานุเบกษา คาดว่ากระบวนการดังกล่าว จะเสร็จสิ้น และมีผลบังคับใช้ภายในเดือน ก.ย. 68 สอดรับกับเป้าหมายนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คมนาคม ในการประกาศใช้นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายในทุกสีทุกสายได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายพงศ์กวิน กล่าวด้วยว่า ส่วนการจัดตั้งกองทุนส่งเสริมระบบตั๋วร่วม เพื่อนำงบประมาณไปชดเชยให้กับผู้ประกอบการเอกชน จากการประกาศใช้นโยบายค่ารถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสายนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณารายละเอียดต่างๆ คาดว่าจะเริ่มดำเนินการตามกฎหมาย เพื่อจัดตั้งกองทุนฯ ได้ในช่วงเดือน ต.ค. 68-มี.ค. 69.