หลังมีข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ขอเสนอ “ขิง-เอกนัฏ พร้อมพันธุ์“ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) นั่งเก้าอี้รัฐมนตรี แต่ขอยื้อเวลาพ้นช่วงเดือนส.ค.ไปก่อน เพราะมีหลายคดีต้องให้เกียรติศาลรัฐธรรมนูญ 

ในจังหวะสถานการณ์การเมืองจ่อหลายรูปคดี ไล่ตามโปรแกรมตั้งแต่วันที่ 7 ส.ค.ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัย ชี้ขาดคดียุบพรรคก้าวไกล ตามคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กรณีมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเข้าข่ายลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ จากการนำเสนอนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

งานนี้ “ก้าวไกล” ปลุกเร้ากองเชียร์พลัง “กองทัพด้อมส้มสามนิ้ว“กระพือควันสัญญาณให้เป็นเป้าโฟกัสสายตานานาชาติร่วมเฝ้าจับตา ในอารมณ์ทีมเด็กรุ่นใหม่ต้องโหนพลังแนวร่วมประชาธิปไตย โยงเป็นเงื่อนไขผูกติดกับการแห่เสรีนิยมตามกระแสโลกยุคใหม่ สู้กับฝ่ายโหนอนุรักษ์นิยม หากจับอาการบรรดาแกนนำพรรคก้าวไกลก็ยังใจดีสู้เสือ แม้ว่าหลายคนเชื่อว่าโอกาส “ยุบ” สูงมากหากพิจารณากันตามรูปการณ์แล้ว

จังหวะเขย่ารัฐบาลผสมสูตรพิสดาร  ตามมาติดๆกับสถานการณ์ที่โยงกันอย่างไม่บังเอิญ มรสุมการเมืองลูกใหญ่ไม่แพ้กัน วันที่ 14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดฟังคำวินิจฉัยคุณสมบัติ “เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี” นายกรัฐมนตรีจากคดีผิดจริยธรรมร้ายแรง กรณีการแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน”เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ แน่นอนว่า

กระทบรัฐบาลผสมสูตรพิสดาร สั่นสะเทือนไปถึงการเขย่าขั้วอำนาจกันใหม่ ต้องหามแห่ผู้นำคนใหม่ ไล่คิวบัญชีนายกรัฐมนตรีไปโหวตกันในสภาฯ

อีกคดีสุดท้ายที่ร้อนแรงไม่แพ้กัน คดี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี จำเลยในคดีอาญาตามมาตรา 112   โดยก่อนหน้านี้ศาลให้ประกันตัว และนัดไต่สวนพยานอีกครั้งวันที่ 19 ส.ค. แต่เจ้าตัวยื่นคำร้องขอเดินทางออกนอกราชอาณาจักร

ไปดูไบเพื่อพบแพทย์รักษาอาการป่วย  ล่าสุดศาลยกคำร้องไม่อนุญาตให้จำเลยเดินทางออกนอกราชอาณาจักร  ดับฝันเดินทางออกนอกประเทศในช่วงสถานการณ์การเมืองหัวเลี้ยวหัวต่อ 

อีกไม่กี่วันในเดือนส.ค.จะเป็นวันชี้ชะตา 3 คดีประวัติศาสตร์ทางการเมืองไทย ว่าจะออกหัวออกก้อย พลิกเกมทางการเมืองหรือไม่  ตามที่หลายฝ่ายฟันธงว่าฝ่ายกุมอำนาจ ที่ถือไพ่เหนือมีแต้มต่อทางการเมือง  คดีมีโอกาสลุ้นให้หวาดเสียวห้าสิบห้าสิบ  แต่แนวโน้มไฮโลเปิดถ้วยแทง แบบไม่ต้องเดาเป็นที่รู้กันว่า 1 ใน 3 คดีร้อนชะตากรรมแขวนบนเส้นด้าย โอกาสแทบหมดลุ้นถูกสกัดบนถนนทางการเมือง  คงต้องจับตาดูอีกไม่นานเกินรอได้รู้กันใครจะอยู่ใครจะไป.