นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง เปิดเผยถึงกรณีมีกระแสร้านค้าไม่อยากเข้าร่วมดิจิทัลวอลเล็ตเพราะกังวลเกี่ยวกับการเสียภาษีว่า ขอยืนยันว่ากระทรวงการคลังจะไม่มีการนำข้อมูลยอดขายของร้านค้าที่เข้าร่วมดิจิทัลวอลเล็ต ไปส่งให้กับกรมสรรพากร แต่อย่างไรก็ตามหากร้านค้ามียอดขายเพิ่มขึ้นถึงเกณฑ์ ก็มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีตามปกติ เช่น หากขายได้เพิ่มขึ้นจากปีละ 1-2 แสนบาท เป็น 1.8-1.9 ล้านบาท ก็มีหน้าที่ต้องยื่นจดเสียภาษีมูลค่าเพิ่มให้ถูกต้อง

“ใครจะเข้าร่วมหรือไม่ เราบังคับไม่ได้ แต่ก็ไม่อยากให้ใครพลาดโอกาสนี้ เพราะโครงการนี้จะมีเงินหมุนเวียนในระบบกว่า 1 ล้านล้านบาท ก็จะเป็นโอกาสให้ทุกร้านมียอดขายสินค้าได้เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน รัฐบาลจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ร้านค้าเกิดความเข้าใจ และเตรียมความพร้อมถึงการเข้ามาในระบบภาษี ไม่ได้น่ากลัว เพราะหากเข้าแล้ว ก็สามารถนำค่าใช้จ่ายต่างๆ มาหักได้”  

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังอยู่ในระยะเตรียมการ โดยมีร้านค้าบางส่วนที่ยังไม่พร้อม เช่น กลุ่มวิสาหกิจบางแห่งที่ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานที่กำกับดูแลครบถ้วน ก็กำลังประสานให้มาขึ้นทะเบียนให้ครบ เพื่อเวลาเปิดลงทะเบียนจะได้เข้าร่วมโครงการได้อย่างไม่มีปัญหา สำหรับภาพรวมผลตอบรับก็ดี เช่น ตัวแทนร้านค้าขนาดเล็กที่เดิมคาดไว้ 4-5 หมื่นราย ก็แสดงความสนใจเข้ามาแล้วเป็นแสนราย ส่วนการเลื่อนแถลงข่าวลงทะเบียนดิจิทัลวอลเล็ต ในส่วนร้านค้า ก็ไม่มีอะไร เพราะไม่อยากให้สับสน เนื่องจากตอนนี้กำลังเปิดลงทะเบียนของประชาชนอยู่  

นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ส่วนการเสนอโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เข้า ครม.จะยังไม่เข้าในวันที่ 6 ส.ค.นี้ โดยยังมีเวลาที่จะเสนอให้ ครม.อนุมัติอยู่ และสามารถรอเสนอได้จนถึงก่อนจะใช้งบ แต่ในส่วนการตั้งงบเหลื่อมปี ยืนยันว่าสามารถทำได้ ซึ่งที่ผ่านมาได้ชี้แจงมาหลายรอบแล้ว โดยทางข้าราชการก็ยืนยันว่าทำได้