จากกรณีเมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา นายเกียรติภูมิ อายุ 23 ปี พนักงานโรงแรมแห่งหนึ่ง ได้ขึ้นรถทัวร์หนีตายจากเหตุการณ์ถูกคู่กรณีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา ก่อเหตุใช้อาวุธปืนสงคราม M16 ไล่ยิงมาถึงหน้าห้องพัก เนื่องจากเกิดเหตุทะเลาะวิวาททำร้ายร่างกายจากการที่ลูกชายวัยรุ่นของคู่กรณีขับขี่รถเกือบเฉี่ยวชน ทำให้มีการว่ากล่าวตักเตือนเกิดขึ้น แต่ทางผู้เป็นพ่อของคู่กรณีเกิดความไม่พอใจ เพราะเหมือนเป็นการหักหน้ากัน จึงกลับบ้านไปนำเอาอาวุธปืนสงครามและมีดบุกทำร้ายร่างกายนายเกียรติภูมิถึงที่พัก

จากนั้นนายเกียรติภูมิ จึงรีบเดินทางมายังกรุงเทพมหานคร เพื่อขอความช่วยเหลือกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และในฐานะที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ในการขอติดตามความคืบหน้าทางคดี และขอรับการคุ้มครองพยาน ภายหลังจากวันเกิดเหตุทางคู่กรณีได้ส่งสารฝากมาทางญาติของภรรยาว่าให้อยู่เงียบ ๆ อย่าพูดมาก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้นั้น ทำให้นายเกียรติภูมิ เกิดความกังวลใจว่าลูกและภรรยาที่ยังอยู่ในพื้นที่อาจไม่ได้รับความปลอดภัยได้

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่กระทรวงยุติธรรม ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพฯ นายเอกภพ เหลืองประเสิรฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด และในฐานะที่ปรึกษา รมว.มหาดไทย ได้พานายเกียรติภูมิ ผู้เสียหาย เดินทางเข้าพบเจ้าหน้าที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ สำนักงานคุ้มครองพยาน เพื่อขอให้ช่วยติดตามความคืบหน้าทางคดีในท้องที่ สภ.เกาะยาว จ.พังงา และขอรับการคุ้มครองพยานผู้เสียหายและครอบครัว เพราะยังเป็นความกังวลใจเรื่องความปลอดภัย โดยระบุว่า จากที่มีการเผยแพร่ข่าวออกไปและมีการโจมตีเจ้าหน้าที่ตำรวจคนที่แนะนำให้ผู้เสียหายมาร้องทุกข์ที่สำนักงานสายไหมต้องรอดนั้น ตนก็อยากให้เห็นใจตำรวจรายนี้ เพราะท่านอาจจะอยู่ในหน้างานที่ไม่สามารถให้การช่วยเหลือได้ หรืออาจเห็นว่าใน สภ.เกาะยาว มีตำรวจที่อาจรู้จักกับผู้มีอิทธิพล ซึ่งอาจทำให้ผู้เสียหายเดือดร้อนหนักกว่าเดิม ท่านจึงแนะนำผู้เสียหายไปแบบนั้น

อย่างไรก็ตาม ตนได้ประสานเรื่องบัญชีรายชื่อผู้มีอิทธิพลของ จ.พังงา ไปยัง น.ส.นิรชา  บัณฑิตย์ชาติ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา เนื่องจากผู้ว่าราชการจังหวัดพังงา ติดภารกิจราชการอื่น โดยขอให้ทางจังหวัดตรวจสอบข้อมูลของคู่กรณีในเหตุการณ์ดังกล่าวว่ามีรายชื่อในบัญชีผู้มีอิทธิพลหรือไม่ หรือมีรายชื่ออยู่ในบัญชีผู้มีอิทธิพลของกระทรวงมหาดไทยด้วยหรือไม่ ซึ่งถ้ามีชื่อ ทางจังหวัดพังงาได้ดำเนินการอย่างไร และเหตุใดจึงปล่อยให้บุคคลมีการถือปืน M16 มาข่มขู่ประชาชนในสังคม หรือหากตรวจสอบแล้วไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้มีอิทธิพล ตนก็ได้ขอให้ทางจังหวัดพิจารณาเพิ่มรายชื่อ เพื่อจะได้มีมาตรการในการเฝ้าระวังหรือปิดล้อมตรวจค้น ซึ่งทางรองผู้ว่าฯ จ.พังงา ก็ได้สั่งการให้นายอำเภอเกาะยาว ลงพื้นที่ไปตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นพบว่าผู้ก่อเหตุไม่มีชื่ออยู่ในบัญชีผู้มีอิทธิพล  และได้รับรายงานว่าหลบหนีออกจากพื้นที่ไปแล้ว

นายเอกภพ กล่าวอีกว่า ในส่วนของคดีความ ตนได้ประสานไปยัง พล.ต.ต.สมคะเน โพธิ์ศรี ผบก.ภ.จว.พังงา และรับทราบว่า ภายในช่วงบ่ายวันนี้จะมีการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลออกหมายจับผู้ก่อเหตุทันที เพราะพยานหลักฐานจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ชัดเจน อีกทั้งยังได้ทราบว่าผู้ก่อเหตุเคยต้องโทษมาก่อน และเพิ่งออกจากเรือนจำฯ ทั้งนี้ ตนยังตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดจึงมีกระแสข่าวว่าผู้ก่อเหตุไม่ใช่คนในพื้นที่ในเมื่อตอนระงับเหตุ ตำรวจมีการยกมือไหว้ผู้ก่อเหตุ ถ้าไม่รู้จักกัน ก็ไม่น่าจะต้องยกมือไหว้ เพราะผู้ก่อเหตุถือปืน M16 อยู่ รวมทั้งหากไม่สามารถติดตามจับกุมตัวได้ ตนจะลงพื้นที่ จ.พังงา ด้วยตัวเอง

ขณะที่นายเกียรติภูมิ ผู้เสียหาย ระบุว่า ในวันเกิดเหตุ ยืนยันว่าตนเองเห็นตำรวจในพื้นที่ยกมือไหว้ผู้ก่อเหตุจริง และยอมรับว่าตอนนี้ค่อนข้างมีความกังวลมาก เพราะครอบครัวยังอยู่ในพื้นที่ จึงหวังให้ตำรวจจับตัวผู้ก่อเหตุให้ได้และอยากให้กระทรวงยุติธรรม ช่วยคุ้มครองตนเองและครอบครัวต่อเนื่อง หากตำรวจจับตัวผู้ก่อเหตุได้ ก็ยังหวั่นเรื่องเครือข่ายผู้มีอิทธิพลจะหวนกลับมาทำร้ายอีก

ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ยืนยันว่า ถ้าเข้าสู่กระบวนการคุ้มครองพยาน ทางผู้เสียหายและครอบครัวจะได้รับความปลอดภัยแน่นอน โดยในการพูดคุยเบื้องต้นพบว่าผู้เสียหายยังคงมีความวิตกกังวล เพราะลูกและภรรยายังอยู่ในพื้นที่เกาะยาวใหญ่ จ.พังงา อาจอยู่อย่างลำบาก ซึ่งในขั้นตอนการทำงานของสำนักงานคุ้มครองพยาน เราจะประสานไปยัง สภ.เกาะยาว เพื่อขอทราบความคืบหน้าทางคดี อาทิ มีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้หรือยัง มีการแจ้งข้อกล่าวหาใดหรือไม่ รวมถึงหลักเกณฑ์การพิจารณาว่ากี่รัศมีกิโลเมตร ถึงมองว่าคู่กรณีหรือเครือข่ายเริ่มมีการข่มขู่คุกคามนั้น ตนอยากเรียนว่าเราไม่มีการกำหนดระยะทาง แต่เราดูที่พฤติการณ์เป็นหลัก อย่างกรณีนี้ทราบว่ามีการส่งสารข่มขู่ให้อยู่เงียบๆ อย่าพูดมาก ซึ่งแบบนี้ก็เรียกว่าเป็นการข่มขู่แล้ว อีกทั้งยังมีอาวุธสงครามในครอบครอง มีการหมายเอาชีวิต ณ วันนี้ตนจะคุยกับผู้เสียหายก่อนว่าเราจะประเมินสถานการณ์ความปลอดภัยอย่างไร เพื่อผู้เสียหายได้พิจารณาว่าจะกลับพื้นที่หรือไม่กลับ หรือต้องการประสงค์ใดๆ เพิ่มเติมหรือไม่ เพราะถ้าหากยังมีความเสี่ยง ผู้เสียหายก็อาจจะไม่ได้กลับไปในพื้นที่.