เมื่อวันที่ 4 ส.ค. พ.ต.ท.พร้อมศักดิ์ รัตนภักดี รอง ผกก.ป.สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งเหตุตำรวจเข้าระงับเหตุยิงชายคลุ้มคลั่งได้รับบาดเจ็บ ที่ริมรั้วข้างกำแพงวัดน้อยโพธิ์คำ (วัดพระใหญ่) ชุมชนน้อยใต้ ในเขตเทศบาลเมืองฯ จ.นครพนม จึงรายงาน พ.ต.อ.ภาคภูมิ เดชะเรืองศิลป์ ผกก.สภ.เมืองนครพนม รุดไปตรวจสอบพร้อม เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และแพทย์เวร รพ.นครพนม ที่เกิดเหตุเป็นถนนคอนกรีต ทางเข้าหมู่บ้านแห่งหนึ่ง พบศพนายสิงห์ อายุ 40 ปี อาชีพเก็บของเก่า ชาวลาว มีบาดแผลถูกยิงที่หน้าท้องจมกองเลือดเสียชีวิต ถัดจากมือซ้าย 1 เมตรพบมีดดาบสปาต้ายาว 2 ฟุต ใกล้มือขวาพบอาวุธปืนไม่ทราบชนิดตกอยู่ จึงตรวจยึดไว้เป็นหลักฐาน ห่างออกไป 20 เมตร พบรถสามล้อเครื่องสกายแล็ปของผู้ตาย และรถจักรยานยนต์สายตรวจ 20 จอดอยู่ด้านหลัง

จากการสอบถามเบื้องต้นทราบว่า ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงแจ้งเหตุบุกรุกและคลุ้มคลั่ง ตำรวจสายตรวจรถจักรยานยนต์ 2 นาย จึงเข้ามาตรวจสอบแต่ผู้ตายจำหน้าเจ้าหน้าที่ได้ว่าจะมาจับกุม ตำรวจอีกนายที่ซ้อนท้ายมาด้วยกันจึงโทรศัพท์เรียกกำลังเสริม แต่ไม่ทันคนร้ายคว้ามีดดาบสปาต้าไล่ฟันและถืออาวุธปืนเล็งจะจ่อยิงตนเอง ตำรวจอีกนายที่ซ้อนรถ จยย. จึงวิ่งหนีตายคนละทิศ ขณะถึงใต้ต้นมะเดื่อตำรวจคนขับรถจักรยานยนต์พบเห็นคนร้ายวิ่งเข้ามาชาร์จระยะประชิดจะใช้มีดดาบฟันจวนตัวจึงชักอาวุธปืนยิง 3-4 นัดเพื่อป้องกันตัว ตามยุทธวิธี

ตำรวจสายตรวจ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากคนร้ายถูกยิงล้มแน่นิ่งแต่ยังมีชีพจรและยังหายใจรวนระรินจึงรีบโทรศัพท์แจ้งให้รถกู้ชีพมารับตัวไปส่งรักษาที่ รพ.นครพนม ผู้ตายทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจึงรีบโทรศัพท์แจ้งผู้บังคับบัญชาทราบ และเดินทางมาตรวจสอบในที่เกิดเหตุ

พี่เขยผู้ตายวัย 50 ปี กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุนายสิงห์ น้องเขยคนนี้ ขับรถสามล้อสกายแล็ปเข้ามาจอดหน้าบ้าน จู่ๆ เกิดคลุ้มคลั่งโวยวายเสียงดังอาละวาด สาเหตุอาจเป็นบ้ามานานหลายปี และมีนิสัยมักจะเสพยาบ้าจนหลอนด้วยหรือไม่ ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงเอือมระอาเลยแจ้งตำรวจสายตรวจให้มาระงับเหตุ ก่อนหน้านี้น้องเขยเคยตีลูกชายตนสลบเย็บ 10 เข็ม จึงแจ้งตำรวจมาระงับเหตุ ตำรวจเคยมาจับกุมตัว 2-3 ครั้งในข้อหา ลักขโมยเหล็ก และมีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครอง เคยติดคุกมา 1 ปีอาการสงบ หลัง 4-5 เดือนมักจะคลุ้มคลั่งมาตลอด ถ้าไม่สู้กับตำรวจก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ ในมือแม้จะเป็นปืนปลอม ถ้าปืนปลอมอยู่ในมือโจรก็เป็นปืนจริง

หลังเกิดเหตุมีนางดาว อายุ 75 ปี ชาวลาวแม่ผู้ตาย ร้องห่มร้องไห้ยืนพิงผนังปูนบ้าน ปิ่มจะขาดใจนานราวครึ่งชั่วโมง อยากจะขอดูศพลูกชายคนที่ 2 ใน 5 คน พร้อมกล่าวว่า ลูกชายเอามีดไล่ฟันตำรวจตนไม่เห็นนั่งอยู่ในบ้าน ส่วนปืนที่อยู่ในมือลูกชายเป็นปืนปลอมจนได้ยินเสียงปืนดัง 4-5 นัดจึงรีบวิ่งออกมาดู พบลูกหายใจรวนระรินและเสียชีวิตแล้ว

พ.ต.อ.ภาคภูมิ เผยว่า หลังสายตรวจรับแจ้งเหตุจึงมาระงับเหตุ ตำรวจที่วิสามัญฯ เป็นสายตรวจ จยย.มากัน 2 คน ตำรวจและคนร้ายเจอกันครั้งแรกทางออกปากซอย ผู้ตายพบเห็นจึงขับรถสกายแล็ปเข้ามาจอดหน้าบ้าน ตำรวจก็ขับตามและมาจอดหน้าบ้านนายสิงห์ ผู้ตายเข้าไปในบ้านถือมีดดาบยาว 2 ฟุต และอาวุธคล้ายปืนสีเทามีแม็กกาซีน ออกมาจะฟันและจะยิงตำรวจจึงหนีไปคนละทิศ ตำรวจที่วิสามัญเห็นคนร้ายใกล้จะทำร้ายจวนตัวจึงยิงป้องกันตัว หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประสานอัยการ แพทย์เวร และฝ่ายปกครอง มาร่วมชันสูตรพลิกศพ เนื่องจากเป็นเหตุวิสามัญฆาตกรรมตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป