เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. สั่งการให้ พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บก.น.9, พ.ต.ท.เอกศิษฐ์ วรกิตติ์ฐากรณ์ รอง ผกก.สส.1 บก.สส.บช.น. นำกำลังจับกุมตัว นายมนัสวิน หรือ “เจมส์-บางบอน” อายุ 25 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาธนบุรีที่ 647/2567 ลงวันที่ 25 ก.ค. 67 ข้อหา “ลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนในเคหสถาน และใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น ต่างกรรมต่างวาระ” โดยจับกุมตัวได้ที่ริมป่าข้างคลอง แนวรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ ต.หอมศีล อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา

การจับกุมครั้งนี้ผู้ต้องหาติดตามสะกดรอยนายตำรวจระดับ “สารวัตร” สังกัดกองบัญชาการตำรวจนครบาล มาเป็นเวลานานกว่า 10 วัน และแอบเข้าไปรื้อค้นในห้องพักกว่า 8 ครั้ง ภายหลังเมื่อคืนวันที่ 27 มิ.ย. 67 เวลาประมาณ 21.00 น. เมื่อนายตำรวจผู้เสียหายได้กลับเข้ามาที่ห้องพักในคอนโดฯ ชื่อดังย่านบางแค พบว่าข้าวของบางอย่างถูกรื้อค้น และเมื่อตรวจสอบในห้องโดยละเอียดทำให้ทราบว่ามีสิ่งของบางอย่างหายไป จึงเริ่มเอะใจทำการสืบสวนด้วยตนเอง จนพบว่ามีคนร้ายเป็นชายวัยรุ่นบุกเดี่ยวเข้ามาก่อเหตุในห้องพักเพียง 5 นาทีก่อนหลบหนีไป จึงเข้าแจ้งความทันที

โดยเริ่มแรกนายตำรวจคนดังกล่าวคิดว่าเป็นคดีลักทรัพย์ทั่วไป พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าคนร้ายขึ้นมาห้องพักได้อย่างไรเนื่องจากระบบรักษาความปลอดภัยค่อนข้างแน่นหนา ชุดสืบสวนลงพื้นที่ตรวจสอบไทม์ไลน์ย้อนหลัง พบว่าผู้ต้องหาตามสะกดรอยเฝ้าดูนายตำรวจคนดังกล่าวมาเป็นเวลากว่า 10 วัน และย่องเข้าไปในห้องของนายตำรวจผู้เสียหายมาแล้วกว่า 7 ครั้งก่อนที่จะลงมือก่อเหตุในครั้งที่ 8 โดยแนวทางการสืบสวนพบว่าคนร้ายทราบจุดเก็บคีย์การ์ดสำรองที่ถูกเก็บไว้ในช่องตู้ไปรษณีย์ ชั้นล่างของคอนโดฯ สบโอกาสช่วงนายตำรวจผู้เสียหายเดินทางออกไปทำงานหรือไม่อยู่ที่ห้องพัก จากนั้นขึ้นไปสอดแนมภายในห้องพัก หลังขึ้นไปได้จะนำคีย์การ์ดลงมาเก็บที่เดิม และคนร้ายยังทราบว่าผู้เสียหายพักอยู่ชั้นไหน แต่ไม่มีการนำทรัพย์สินมีมูลค่าไปแต่อย่างใด

ต่อมาชุดสืบสวน บก.สส.บช.น. และ กก.สส.บก.น.9 ร่วมกันสืบสวนติดตามคนร้ายรายนี้ ใช้เวลากว่า 1 เดือน กระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายมนัสวิน ก่อนรวบรวมพยานหลักฐานศาลออกหมายจับ พล.ต.ต.ธีรเดช ผู้การจ๋อ สั่งทีมไล่ล่าติดตามจับกุมตัวคนร้าย โดยการสืบสวนจนพบว่าหลังจากก่อเหตุในวันสุดท้ายคือวันที่ 27 มิ.ย. 67 คนร้ายหายตัวอย่างไร้ร่องรอย ต่อมาทราบว่าคนร้ายร่อนเร่พเนจรไปนอนตามป้ายรถเมล์ ปั๊มน้ำมัน ซึ่งชุดสืบสวนติดตามไล่ล่าตีล้อมวงจนคนร้ายไปจนมุมที่ริมป่าข้างคลอง แนวรอยต่อระหว่าง จ.ฉะเชิงเทรา-สมุทรปราการ

สอบสวนนายมนัสวิน ให้การรับสารภาพว่า ตนเองจบการศึกษาชั้น ม.6 และต่อ ปวช.สายช่างก่อสร้าง แต่เรียนไม่จบ ในปัจจุบันเป็นคนตกงานและไม่เป็นที่ยอมรับของครอบครัว จึงชอบร่อนเร่ไปพักอาศัยตามที่ต่างๆ ไปเรื่อย ส่วนทางคดีตนเองไม่ได้หวังปองร้าย ไม่ได้รับงานใครมา ตนเองแค่มานั่งสังเกตการณ์บริเวณใต้อาคารคอนโดฯ ที่เกิดเหตุบ่อยๆ แล้วเห็นว่าห้องของนายตำรวจผู้เสียหายมักซ่อนกุญแจและคีย์การ์ดสำรองไว้ในช่อง Mail Box ตนเองเป็นคนตกงานและทางบ้านของภรรยาไม่ค่อยยอมรับ จึงตั้งใจจะขึ้นไปนอนบนห้องของผู้เสียหายขณะที่เขาไม่อยู่เท่านั้น ไม่ได้คิดจะสอดแนมหรือปองร้ายใดๆ ทั้งสิ้น ส่วนที่มาถูกจับกุมที่นี่ไม่ได้หลบหนีมา แต่ได้งานทำใหม่ที่นี่ ส่วนที่ไม่ได้อยู่ละแวกบางบอนเช่นเดิมนั้นเพราะหลังก่อเหตุตนเองมีความรู้สึกว่าเหยื่อน่าจะรู้ตัว และมีเจ้าหน้าที่บางส่วนมาติดตาม จึงออกร่อนเร่เดินเท้าไปอย่างไร้จุดหมายและมาถูกจับกุม

จากการตรวจสอบประวัติเคยพบว่าเคยก่อคดีอาญา 4 คดี อาทิ วันที่ 9 ส.ค. 62 ถูกจับกุมข้อหา “มียาเสพติดให้โทษไว้ในครอบครองฯ” พื้นที่ สน.หลักสอง, วันที่ 8 ธ.ค. 66 ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ฯ” ขโมยซองผ้าป่า พื้นที่ สน.ท่าข้าม, วันที่ 23 พ.ค. 67 ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ฯ” ขโมยนาฬิกาในห้างสรรพสินค้า พื้นที่ สน.ภาษีเจริญ และ วันที่ 17, 19, 20, 21, 22, 24, 26, 27 มิ.ย. 67 (8 วัน) ก่อเหตุ “ลักทรัพย์ของผู้อื่นในเวลากลางคืนในเคหสถานฯ” ซุ่มดูเหยื่อก่อนแอบขโมยคีย์การ์ดขึ้นไปลักของบนห้องพัก พื้นที่ สน.เพชรเกษม (ในคดีนี้) เบื้องต้นจึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สน.เพชรเกษม ดำเนินคดีต่อไป

พล.ต.ต.ธีรเดช ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า “เรายังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะยังเป็นที่น่าสงสัยอยู่หลายประเด็น ว่าเหตุใดผู้ต้องหาจึงแอบสะกดรอยแล้วยังเข้าไปสอดแนมในห้องนายตำรวจผู้เสียหายอีกกว่า 7 ครั้ง ก่อนจะลงมือในครั้งที่ 8 โดยสิ่งที่ขโมยไปนั้นก็เป็นเพียงทรัพย์สินที่มีมูลค่าน้อย แต่ทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงกลับไม่ถูกขโมยไป เสมือนไม่ได้ประสงค์ต่อทรัพย์ อีกทั้งแผนประทุษกรรมของคนร้ายมีลักษณะใจเย็น ช่ำชอง และที่สำคัญคือรู้ว่าเป็นห้องของเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่ยังกล้าที่จะลงมือกระทำ ซึ่งหลังจากนี้เราจะมีการขยายผลโดยละเอียดต่อไป และขอให้คดีนี้เป็นการเตือนภัยให้กับประชาชน แม้จะเป็นคอนโดฯ ที่มีระบบความปลอดภัยที่แน่นหนาก็ตาม ให้หลีกเลี่ยงการเก็บคีย์การ์ดหรือของสำคัญไว้ในตู้ไปรษณีย์หรือตู้ Mail Box หรือหลีกเลี่ยงการซ่อนกุญแจไว้ตามที่ต่างๆ ใกล้ประตูหน้าบ้านของท่าน เพราะการกระทำดังกล่าวอาจตกอยู่ในสายตาของผู้ไม่ประสงค์ดีลักษณะนี้อีก และหากท่านใดมีเบาะแสในลักษณะนี้สามารถส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาได้ที่ เพจสืบนครบาล IDMB ได้ตลอด 24 ชม.”