สุขภาพในช่องปากเป็นเรื่องสำคัญ เพราะ “หากฟันดี เหงือกดี” ก็จะทำให้สามารถรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยให้ร่างกายมีความสมบูรณ์ พัฒนาการมวัย อีกประการสำคัญคือทำให้มีความมั่นใจในการเข้าสังคมได้มากขุ้น เพราะสุขภาพฟัน สุขภาพเหงือกที่ดีจะนำมาซึ่งรอยยิ้มสวยๆ ยิ้มอย่างมั่นใจ สมหายใจเป็นมิตร
ซึ่งการจะมีสุขภาพฟันทีดีได้นั้น ทุกคนต่างรู้กันว่า ต้องแปรงฟันอย่างสม่ำเสมอ แต่สิ่งที่หลายคนอาจจะนึกไม่ถึงว่าจะส่งผลต่อเรื่องของสุขภาพช่องปากนั่นคือ “การเก็บแปรงสีฟัน” โดยกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ย้ำว่า การเก็บแปรงสีฟันมีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าการเลือกแปรงฟัน เพราะหากเก็บไม่ถูกสุขลักษณะ อาจเกิดการสะสมเชื้อโรคบนขนแปรง จึงแนะนำวิธีเก็บแปรงสีฟันหลังใช้งาน ดังนี้
- ล้างแปรงสีฟันให้สะอาดด้วยน้ำธรรมดาหลังการใช้งานทุกครั้ง
- เก็บแปรงให้อยู่ในลักษณะแนวตั้ง ป้องกันความชื้นไหลลงหัวแปรง
- .เก็บแปรงสีฟันในที่แห้ง อากาศถ่ายเทได้ดี เพื่อลดการเจริญเติบโตของเชื้อโรค
- ไม่ควรใช้ที่ครอบหัวแปรงเพราะจะทำให้แปรงอับชื้น
- เก็บแปรงสีฟันไม่ให้หัวแปรงสัมผัสกับแปรงสีฟันของคนอื่น ควรให้หัวแปรงแต่ละอันห่างกันประมาณ 1 นิ้ว เพื่อป้องกันการส่งผ่านเชื้อโรค
สำหรับการเลือกแปรงสีฟัน “กรมอนามัย” แนะนำว่า ให้เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองจากกรมอนามัย โดยมีสัญลักษณ์แปรงติดดาวบนฉลาก และดูลักษณะแปรงสีฟันที่เหมาะสมดังนี้ 1. เลือกขนาดแปรงสีฟันต้องเหมาะกับช่องปาก 2. ด้ามแปรงสีฟันยาวพอเหมาะ 3. ปลายขนแปรงสีฟันไม่มีความคม 4.ขนแปรงสีฟันนุ่ม หรือนุ่มพิเศษ ลดอันตรายต่อผิวฟันและขอบเหงือก และ 5. ลักษณะปลายขนแปรงเรียบเสมอกัน
ไหนๆ ก็ได้สูตรการเลือกแปรง เก็บแปรงสีฟันกันแล้ว ก็ขอย้ำสูตรการแปรงฟันที่ดี คือ 2-2-2 คือ “แปรงฟันวันละ 2 ครั้ง” ในช่วงเช้าและก่อนเข้านอน เพื่อลดแผ่นคราบจุลินทรีย์ที่สะสมในช่องปาก “แปรงฟันนาน 2 นาที” ด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ เพื่อให้แน่ใจว่าแปรงฟันสะอาด ทั่วถึงครบทุกซี่ทุกด้านของฟันในปาก และ “ไม่รับปรานอาหาร 2 ชั่วโมง” หลังแปรงฟันให้ฟลูออไรด์คงอยู่ในช่องปากนานที่สุด
และอย่าลืมใช้ไหมขัดฟัน พบทันตแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพื่อตรวจสุขภาพฟันและเนื้อเยื่อภายในช่องปาก และรับการรักษาตามความเหมาะสม.